ญี่ปุ่น-ฮอกไกโด-ฟูราโน่-โอตารุ เลสโก บุษบาหรรษา 6 D 4 N (BY XJ) ญี่ปุ่น-ฮอกไกโด-ฟูราโน่-โอตารุ เลสโก บุษบาหรรษา 6 D 4 N (BY XJ) ญี่ปุ่น-ฮอกไกโด-ฟูราโน่-โอตารุ เลสโก บุษบาหรรษา 6 D 4 N (BY XJ) ญี่ปุ่น-ฮอกไกโด-ฟูราโน่-โอตารุ เลสโก บุษบาหรรษา 6 D 4 N (BY XJ) ญี่ปุ่น-ฮอกไกโด-ฟูราโน่-โอตารุ เลสโก บุษบาหรรษา 6 D 4 N (BY XJ)

ญี่ปุ่น-ฮอกไกโด-ฟูราโน่-โอตารุ เลสโก บุษบาหรรษา 6 D 4 N (BY XJ)

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพฯ – สนามบินดอนเมือง

20.30 น.   พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง ชั้น 3 ประตูหมายเลข 4 สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ๊กซ์ เคาน์เตอร์ 4 เพื่อเตรียมตัวเดินทาง และผ่านขั้นตอนการเช็คอิน สายการบิน AIR ASIA X ใช้เครื่อง AIRBUS A330-300 จำนวน 377 ที่นั่ง จัดที่นั่งแบบ 3-3-3 มีบริการอาหารร้อนเสิร์ฟทั้งขาไปและขากลับ(น้ำหนักกระเป๋า 20 กก./ท่าน หากต้องการซื้อน้ำหนักเพิ่ม ต้องเสียค่าใช้จ่าย)

23.55 น.   เดินทางสู่ สนามบินชิโตเซะ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น โดยเที่ยวบินที่ XJ 620 

วันที่ 2

ฟูราโน่ – โทมิตะ ฟาร์ม – สวนชิกิไซโนะโอกะ – บ่อน้ำสีฟ้า – อาซาฮิกาว่า - ช้อปปิ้งอิออน

08.55 น.   เดินทางถึงสนามบินชิโตเสะ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศญี่ปุ่นแล้วจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฟูราโน่ เมืองที่อยู่ในแอ่งกระทะ ห้อมล้อมด้วยเทือกเขาไทเซ็ทสึ และเทือกเขายูบาริ ทำให้เมืองฟูราโน่มีอากาศเย็นและแห้งประกอบกับดินแถบนั้นเป็นดินภูเขาไฟ จึงเหมาะแก่การเพาะปลูกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะดอกไม้

นำท่านสู่ โทมิตะ ฟาร์ม ฟาร์มของนักบุกเบิกรุ่นแรกๆ ของฮอกไกโด ท่านจะได้พบกับดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล (ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ) อาทิ ดอกฮามานะสึในเดือนมิถุนายน, ดอกลาเวนเดอร์และดอกป๊อปปี้ ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม, กลางเดือนสิงหาคมไปแล้วเป็นดอกคอสมอส ซึ่งแต่ละเดือนจะมีชนิดดอกไม้ต่างกันไป***ช่วงเวลาดอกลาเวนเดอร์บานเต็มที่ (ประมาณปลายเดือน กรกฎาคม-เดือน สิงหาคม)  อิสระให้ท่านชื่นชมความงามของทุ่งดอกไม้ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา จนขนานนามกันว่าเนินเขาสายรุ้ง

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สวนชิกิไซโนะโอกะ ซึ่งเป็นเนินสวนดอกไม้ 4 ฤดู ที่มีโรลคุงและ โรลจัง หุ่นฟางขนาดใหญ่สัญลักษณ์ของสวน ชิกิไซ โนะ โอกะคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ชมดอกไม้นานาพันธุ์ชนิด รวมถึงดอกลาเวนเดอร์ และทุ่งดอกไม้หลากสี ที่ได้รับคำนิยมและคำชมว่าจัดสวนไล่สีได้สวยงามที่สุด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมหลากหลายไว้บริการแด่ทุกท่าน เช่น ขับรถ ATV รถไฟชมฟาร์ม หรือฟาร์มเลี้ยง Alpaca เป็นต้น *หมายเหตุ ราคาทัวร์นี้ไม่รวมค่ากิจกรรมในสวนดอกไม้*

เที่ยง    บริการกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านชม บ่อน้ำสีฟ้า หรือ BLUE POND บ่อน้ำสีฟ้าที่เกิดจากความบังเอิญที่เกิดจากการสร้างเขื่อนเพื่อไม่ให้โคลนภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Tokachi เมื่อปี ค.ศ.1988 ไหลเข้าสู่เมือง โดยที่ก้นบ่อน้ำแห่งนี้จะมีแร่ธาตุที่เกิดจากโคลนภูเขาไฟทำให้มีสีฟ้าหรือเขียวมรกตสดใส และมีกิ่งไม้ที่โผล่ออกมาจากพื้นผิวน้ำ ทำให้มีความสวยแปลกตาไปอีกแบบ อีกทั้งสีของบ่อน้ำแห่งนี้จะมีความสวยงามแตกต่างไปตามแต่ละฤดูกาลอีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอาซาฮิกาว่าเพื่อเข้าสู่ที่พัก

ที่พัก  โรงแรม SMILE HOTEL ASAHIKAWA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า

หลังจากเข้าที่พักแล้ว นำท่านช้อปปิ้งยังห้างสรรพสินค้า ห้างจัสโก้อิออน  ให้ท่านได้ซื้อของฝากมากมายหลากหลายชนิด อาทิเช่น ขนมชนิดต่างๆ ผลไม้ตามฤดูกาล และพิเศษสุดกับร้าน 100 เยน ทีทุกอย่างในร้านราคาเพียง 100 เยนเท่านั้น  **อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัยเพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้า**

วันที่ 3

โอตารุ – คลองโอตารุ – พิพิธภันฑ์เครื่องแก้ว – พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี – ดิวตี้ฟรี - บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองโอตารุ ซึ่งถือเป็นเมืองท่าที่มีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก รวมถึงการตกแต่งของบ้านเรือนนั้น ส่วนใหญ่ได้ถูกออกแบบเป็นสไตล์ตะวันตกเนื่องจากในอดีต เมืองโอตารุได้รับอิทธิพลมาจากการทำการค้าระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบยุโรป อิสระให้ท่านเดินชมความสวยงามของเมืองเลียบคลองโอตารุอันสวยงามน่าประทับใจ คลองโอตารุเป็นคลองที่เกิดขึ้นจากการถมทะเล สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1923 เพื่อเป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่สู่โกดังในเมือง ภายหลังเลิกใช้จึงถมคลองครึ่งหนึ่งเป็นถนนสำหรับนักท่องเที่ยวแทนโกดังต่างๆ ซึ่งเป็นอาคารอิฐสีแดงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ปรับปรุงเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกนั่นเอง

จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งมีอายุเกือบร้อยปี ท่านสามารถชมกล่องดนตรีในรูปแบบต่างๆ สวยงามมากมายที่ถูกสะสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถเลือกคิดแบบทำกล่องดนตรีในสไตล์ของตัวเองขึ้นมาเป็นที่ระลึกหรือเป็นของฝากให้คนรักได้อีกด้วย

นอกจากนี้ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ยังมี “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” สไตล์อังกฤษ ที่เหลืออยู่เพียง 2 เรือนบนโลกเท่านั้น ซึ่งเป็นของที่ระลึกที่เมือง Vancouver มอบให้แก่เมือง Otaru นาฬิกานี้จะพ่นไอน้ำประกอบกับมีเสียงดนตรีดังขึ้นทุกๆ 15 นาที เหมือนกับนาฬิกาไอน้ำอีกเรือนหนึ่งที่ประเทศแคนนาดา ถ้ามาฮอกไกโดแล้วไม่มาชม ต้องไปชมที่แคนนาดากันนะจ๊ะ

เที่ยง     บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังจากเดินเที่ยวชมและเพลิดเพลินไปกับกล่องดนตรีที่หลากหลายและถ่ายรูปกับหอนาฬิกาไอน้ำโบราณเรียบร้อยแล้ว เดินข้ามถนนมาอีกสักเล็กน้อย แล้วมาพักเหนื่อยกับร้านค่าเฟ่น่ารักๆกันดีกว่า ไปประเดิมด้วยร้านแรกกันเลยจ้า  เดินข้ามถนนมาประมาณ 50 เมตร ด้านขวามือก็ต้องสะดุดตา สะดุดใจ ไปกับความน่ารักของเจ้าแมวน้อยคิตตี้ ที่ท้าทายรอให้ทุกๆท่านเข้าไปเยี่ยมชม ผ่านมาแล้วจะผ่านเลยไปได้อย่างไรกัน แวะชมกันสักหน่อยสิค่ะ เมื่อเข้าไปในร้านทุกท่านสามารถเลือกแก้วเป็นลวดลายตามใจชอบแต่ละท่านได้เลยนะจ๊ะ ซึ่งข้างหลังแก้วจะมีการสกรีนคำว่า otaru ติดไว้ด้วยนะคะ ซึ่งแก้วก็จะมีมากมายหลากหลายแบบให้เลือก ราคาก็จะแตกต่างกันออกไป เมื่อซื้อแก้วพร้อมเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วสามารถเติมเครื่องดื่มฟรีได้อีกรอบด้วยนะคะ เลือกเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว เชิญเลือกที่นั่งตามอัธยาศัยที่บริเวณชั้นสองได้เลยจ้า หรือถ้าใครไม่อยากนั่งบริเวณชั้นหนึ่งจะเป็นโซนขายของที่ระลึก หรือจะสนุกสนานไปกับการหมุนตู้กาชาปองเสี่ยงทายหาของฝากไปฝากคนที่คุณรักก็ตามแต่สะดวกเลยค่ะ

ออกจากร้านคาเฟ่คิตตี้ไม่ทันไร ก็จะเจอร้านถัดมาที่เรียกกันว่า มาถึงฮอกไกโดทั้งทีต้องไม่พลาด LETAO กันนะจ๊ะ เป็นค่าเฟ่ให้นั่งทานและสามารถสั่งกลับได้ซึ่งบางวันอาจจะต้องรอคิวกันสักนิดนึง  สิ่งต้องห้ามก็คือ ห้ามพลาดที่จะลิ้มรส และห้ามพลาดที่จะหิ้วกลับมาเป็นของฝากบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งโดยเด็ดขาด LETAO ที่ควรค่าแก่การทานคือชีสเค้กนั่นเอง สัมผัสลิ้นที่นุ่มละมุน กลิ่นหอมหวาน ให้รสชาติหวานพอดี ลิ้มรสพร้อมกับจิบชาและชมบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ไม่มีอะไรจะฟินไปยิ่งกว่านี้แล้วววว

เดินต่อกันมาอีกนิดให้อาหารก่อนหน้านี้ได้ย่อย ก็จะเดินมาเจอกับร้าน KITAKARO เป็นร้านคาเฟ่ขนมหวาน เมนูที่แนะนำนั้นก็คือ ซูว์ครีม ซึ่งจะคล้ายเอแคล์บ้านเรานั่นเอง แต่เรื่องรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง อร่อยมากกว่าแน่นอน ซึ่งตัวแป้งด้านนอกนั้นจะให้สัมผัสที่กรอบนอกนุ่มในตัดกับรสครีมที่หวานละมุนกลมกล่อมชิ้นเดียวไม่เคยพอ มาถึงฮอกไกโดแล้วควรลองทานกันนะคะ ทานที่เมืองไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่ฮอกไกโดจริงๆค่ะ ซึ่งแต่ละมืองจะมีเอลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นมาแล้วต้องห้ามพลาดค่ะ

ไหนๆก็เดินทางมากับสายของหวานแล้วก็ทานของหวานกันให้เต็มที่จุใจกันไปเลยค่ะ มากันที่ร้านแนะนำร้านสุดท้ายกันค่ะ ร้านนี้ก็คือ คาเฟ่สนูปปี้ เอาใจคนรักสนูปปี้ ซึ่งจุดเด่นของร้านนี้ก็คือไอศกรีมนั่นเองค่ะ ซึ่งมีหลากหลายรสชาติให้เลือกชิม เป็นซอฟท์ครีมเนื้อนุ่มละมุน ภายในร้านแบ่งเป็นสองชั้น ซึ่งชั้นที่สองจะเป็นโซนร้านอาหาร การตกแต่งร้านก็ไม่พลาดที่จะตกแต่งไปด้วยสนูปปี้ทั้งร้านแน่นอนค่ะ นอกจากอาหาร ของหวาน เครื่องดื่มแล้ว ทางร้านยังจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับสนูปปี้เพื่อเอาใจคนรักสนูปปี้กันด้วยค่ะ มีให้ท่านได้เลือกซื้ออย่างมากมาย

ออกมาจากพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว ของดี ของเด็ด ของเมืองโอตารุ ยังไม่หมดนะจ๊ะ เดินออกมาเล็กน้อยก็จะมองเห็นร้านไอศกรีมที่ชื่อว่า VENETIAN CAFETERIA ร้านนี้มีเมนูยอดฮิตนั่นก็คือ ไอศกรีมสายรุ้ง 7 สีนั่นเอง เป็นซอฟท์ครีม 7 สี เสิร์ฟใส่โคน 7 ชั้น ชั้นละ 1 สี อันได้แก่ องุ่น สตอเบอร์รี่ ชาเขียว เมลอน ช็อคโกแลต นม และลาเวนเดอร์ ด้วยรสชาติที่เข้มข้นของไอศกรีมบวกกับโคนคุกกี้แสนอร่อย ผ่านมาทั้งทีห้ามพลาดนะจ๊ะ

จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งสินค้าเครื่องสำอางค์ อาหารเสริม เครื่องประดับคุณภาพดีที่ร้านค้าปลอดภาษี DUTY FREE สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอางแบรนด์ดัง ทั้งของต่างประเทศและแบรนด์ดังของญี่ปุ่น หรือว่าจะเป็นอาหารเสริมคุณภาพดีซึ่งไม่วามารถหาซื้อจากที่ไหนได้ นอกจากร้านค้าปลอดภาษีเท่านั้น อิสระให้ท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พิเศษกับเมนู บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างปู 3 ชนิด และอาหารทะเลนานาชนิด อาทิเช่น ปูซูไว ปูขน ปูทาราบะ หอยเชลล์ หอยนางรม กุ้งทะเล ซาชิมิสดๆ และซูชิหน้าต่างๆ

ที่พัก โรงแรม RAFFINATO HOTEL SAPPORO หรือระดับเดียวกัน

วันที่ 4

อุทยานโมอาย– ตลาดซัปโปโรโจไก – มิตซุยเอ้าท์เล็ท- ทำเนียบรัฐบาลเก่าฮอกไกโด– สวนโอโดริ ช้อปปิ้งทานุกิโคจิ

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านชม อุทยานโมอาย ที่ออกแบบโดย Tadao anda สถาปนิกชื่อดังของโลก ก่อสร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1982 ไอเดียคล้ายวัฒนธรรมจากโมอายและอียิปต์ ออกแบบรูปร่างตั้งให้อยู่ในภูเขาของดอกลาเวนเดอร์ พระพุทธรูปเป็นแนวคิดโครงสร้างจากการเรียงลำดับของจิตวิญญาณ องค์พระมีชื่อว่า Atama Daibutsu เปิดให้เข้าชมอย่างเป็น ทางการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา อุทยานโมอาย มีพื้นที่ประมาณ 540,000 ตารางเมตร มี 40,000 กลุ่มของที่บรรจุอัฐิและรองรับได้ 70,000 กลุ่ม (ชาวญี่ปุ่นไม่มีการฝังศพ ใช้การเผา และจะซื้อที่ดินใว้เก็บ"อัฐิ"เก็บแบบทั้งตระกูลรวมไว้) โมอายแห่งญี่ปุ่น เป็นชื่อที่ผู้คนเรียกขาน เป็นหนึ่งในสุสานที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด  

จากนั้นนำท่านสู่ ตลาดซัปโปโรโจไก ประกอบด้วยร้านค้า และร้านอาหารกว่า 80 ร้าน เรียงรายตลอดบล็อกขึ้นไปนอกตลาดขายส่งซัปโปโร เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ร้านค้าต่างๆจำหน่ายอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่ เช่น ปู หอยเม่นทะเล ไข่ปลาแซลมอน ปลาหมึก และหอยเชลล์ ผลผลิตอื่นๆในท้องถิ่น เช่น ข้าวโพด แตงโม และมันฝรั่งตามฤดูกาล อาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อคือ อาหารทะเลสดๆเสิร์ฟพร้อมข้าว เรียกว่า donburi

เที่ยง    อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

ขึ้นชื่อว่าตลาดปลา ไม่ได้มีแต่ปลาสดนะจ๊ะ นอกจากจะมีปลาสด ปูทาราบะ ปูขน ปูซูไว อาหารทะเลนานาชนิดแล้ว และยังมีผลไม้ตามฤดูกาลอีกด้วย ที่ตลาดปลาแห่งนี้ยังมีร้านอาหารสำหรับนั่งทานให้ท่านได้เลือกทานตามอัธยาศัยมากมาย อาหารที่แนะนำก็คือ ซาซิมิ ข้าวหน้าปลาดิบ จนถึงหน้าปลาย่าง ซึ่งมีเมนูน่าทาน น่าสนใจ ราคาย่อมเยาว์มากมาย

จากนั้นนำท่าน ช้อปปิ้งที่มิตซุย เอ้าท์เล็ต (MITSUI OUTLET) ศูนย์รวมแฟชั่นทันสมัยแหล่งรวมพลของสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลกประกอบด้วยแบรนด์ดังถึง 128 แบรนด์ อาทิเช่น Coach Armani, Ralph Lauren, Seigo เพียบพร้อมด้วยสินค้าสำหรับทุกคนตั้งแต่สินค้าแฟชั่นหญิงชาย และเด็ก จนถึงอุปกรณ์กีฬา และสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ภายในห้าง ยังมีศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ที่จุได้ 650 ที่นั่ง และมี Hokkaido Roko Farm Bridge ซี่งเป็นพื้นที่ที่มีสินค้าท้องถิ่นและสินค้าจากฟาร์มสดมาขายอีกด้วย

จากนั้น นำท่านชมด้านนอกของ ทำเนียบรัฐบาลเก่าฮอกไกโด เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2416 เป็นอาคารสไตล์นีโอบาร็อคอเมริกาที่ใช้อิฐมากกว่า 2.5 ล้านก้อนเป็นอิฐที่ทำมาจากหมู่บ้านซิโรอิชิและโทโยชิร่า ตึกนี้ผ่านก ารใช้งาน มายาวนานกว่า 80 ปีแต่ความงดงามที่เห็นนั้นได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่หลังจากถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2454 แต่ด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติเมื่อปีพ.ศ. 2512

นำท่านผ่านชม สวนโอโดริ สวนสวยใจกลางเมืองที่ทอดตัวยาวจากตะวันออกไปตะวันตกโดยมีความยาว 1,400 เมตร คนส่วนใหญ่ใช้เวลามาพักผ่อนหย่อนใจ สวนโอโดริเป็นที่รู้จักในฐานะสวนสาธารณะแต่ที่จริงแล้วเป็นถนนโดยในปีค.ศ.1871 (ปีเมจิที่ 4) มีการสร้างแนวกันไฟที่แยกใจกลางเมืองซัปโปโรออกเป็นฝั่งเหนือใต้ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่าถนนชิริเบชิและถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโอโดริ สถานที่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแบบสบายๆ ในยามปกติ และยังเป็นที่จัดงานเทศกาลขึ้นชื่อของฮอกไกโดอีกด้วย  สามารถที่จะสนุกสนานเพลิดเพลินได้ตลอดทุกฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิมีเทศกาลดอกไลแล็ค ฤดูร้อนมีเทศกาล YOSAKOI โซรันและเบียร์การ์เด้น ฤดูใบไม้ร่วงมีเทศกาลออทั่มเฟสซึ่งรวบรวมเอาอาหารของฮอกไกโดมาไว้ และในฤดูหนาวมีเทศกาลหิมะซึ่งพัฒนามาเป็นเทศกาลระดับโลก

จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งที่ ทานุกิโคจิ เป็นแหล่งช้อปปิ้งอาเขตบนถนนคนเดินที่มีหลังคามุงบังแดดบังฝนและหิมะ  มีความยาว 7 บล็อกถนน มีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่กว่า 200 ร้านค้า Susukin  มีร้าน BIG CAMERA จำหน่ายกล้องดิจิตอล, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์,ร้าน100เยน, ร้านUNIQLO ขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น,ร้าน MATSUMOTO KIYOSHI ขายยาและเครื่องสำอาง

ค่ำ   เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย

พักที่ โรงแรม RAFFINATO HOTEL SAPPORO หรือระดับเดียวกัน

วันที่ 5

อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง)

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

อิสระเต็มวัน ให้ท่านอิสระช้อปปิ้ง หรือเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ โดยมีไกด์คอยให้คำแนะนำในการเดินทาง อาทิ

⦁  อาคารเจอาร์ทาวเวอร์ (JR TOWER) เป็นตึกที่สูงที่สุดในซัปโปโร ตั้งอยู่ติดกับสถานีเจอาร์ ซัปโปโร เป็นทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงภาพยนตร์ และศูนย์อาหาร มีร้าน BIG CAMERA จำหน่ายกล้องดิจิตอล, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์,ร้าน100เยน, ร้านUNIQLO ขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น,ร้าน MATSUMOTO KIYOSHI ขายยาและเครื่องสำอางอาคาร JR TOWER มีจุดชมวิวตั้งอยู่ที่ชั้น 38 เรียกว่า T38 (Tower Three Eight) ที่ระดับความสูง 160 เมตร จึงมองเห็นทิวทัศน์เหนือเมืองซัปโปโรได้กว้างไกลสวยงามทั้งกลางวันกลางคืน โดยเฉพาะยามค่ำคืนจะมองเห็นทีวีทาวเวอร์ตั้งอยู่กลางสวนโอโดริ โดยมีแสงไฟจากกลุ่มตึก ย่านซูซูกิโนะ ส่องสว่างที่จุดกลางเมืองติด ๆ กันมีตึก ESTA ซึ่งที่ชั้น 10 เป็นศูนย์รวมร้านราเมน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ร้าน ให้เลือกชิมอร่อยไม่แพ้ตรอกราเมนในย่านซูซูกิโน่ (ไม่รวมตั๋วขึ้น จุดชมวิวราคาประมาณ 700-1000 เยน)

⦁  ย่านซูซูกิโนะ ตั้งอยู่ในบริเวณรอบๆ สถานีรถไฟใต้ดินซูซูกิโนะ เมืองซัปโปโร โดยอยู่ถัดลงมาทางใต้ของสวนสาธารณะโอโดริประมาณ 500 เมตร ซึ่งถือเป็นย่านที่คึกคักและมีชีวิตชีวาที่สุดของซัปโปโร โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่มีการเปิดไฟตามป้ายไฟโฆษณาสีสันต่างๆ บนตึกที่ตั้งอยู่ในย่านแห่งนี้ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ภัตตาคาร สถานบันเทิงเริงรมย์ยามราตรีต่างๆ ทั้งไนท์คลับ บาร์ คาราโอเกะ สถานอาบอบนวด มากกว่า 4,000 ร้าน ตามตรอกซอกซอย จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะนิยมมา ณ สถานที่แห่งนี

⦁  ตลาดปลานิโจ ตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองซัปโปโร ตลาดปลาแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1903 และตลาดแห่งนี้รู้จักกันในนาม “ครัวทะเลของชาวเมืองซัปโปโร” เพราะสัตว์ทะเลที่จับได้ส่วนใหญ่จะหาได้จากทะเลแถบนี้ทั้งสิ้น ซึ่งจะมีความสดมากเหมือนไปเดินซื้อที่ ท่าเรือเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศรวมถึงชาวบ้านเข้า มาจับจ่ายใช้สอยกันเสมอ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่อง ไข่หอยเม่นและไข่ปลาแซลมอน เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน อาหารกลางวันและอาหารค่ำตามอัธยาศัย

ที่พัก  โรงแรม RAFFINATO HOTEL SAPPORO หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 6

สนามบินชิโตเสะ – กรุงเทพฯ

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบินชิโตเสะ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

09.55 น.  นำทุกท่านเหิรฟ้ากลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ๊กซ์ เที่ยวบินที่ XJ 621

15.10 น.   เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ...

อัตราค่าบริการนี้รวม

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมคณะ         
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มี
  • ค่าน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระท่านละไม่เกิน 20 กก.  
  • ค่ารถรับ-ส่ง และนำเที่ยวตามรายการ
  • ค่าที่พักตามที่ระบุในรายการ พักห้องละ 2 ท่าน  
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการ    
  • ค่าอาหารตามมื้อที่ระบุในรายการ            
  • ค่าจ้างมัคคุเทศก์คอยบริการตลอดการเดินทาง 
  • ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง วงเงินท่านละ 1,000,000 บาท  (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น (เพราะรัฐบาลประกาศยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทย ผู้ที่ประสงค์จะพำนักระยะสั้นในประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน) **ถ้ากรณีที่ทางรัฐบาลประกาศให้กลับมาใช้วีซ่า ผู้เดินทางจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่าเพิ่ม ท่านละ 1,700 บาท**
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรศัพท์ทางไกล ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าซักรีด มินิบาร์ในห้อง รวมถึงค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มนอกเหนือรายการ (กรุณาสอบถามจากหัวหน้าทัวร์ก่อนการใช้บริการ)
  • ค่าทิปคนขับรถ หัวหน้าทัวร์ และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ท่านละ 1,500 บาท/ทริป/ต่อท่าน
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%

ราคา

THB 10,000,000

29 มีนาคม 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more