UNSEEN  TURKEY 9 D 6 N UNSEEN  TURKEY 9 D 6 N UNSEEN  TURKEY 9 D 6 N UNSEEN  TURKEY 9 D 6 N UNSEEN  TURKEY 9 D 6 N UNSEEN  TURKEY 9 D 6 N

UNSEEN TURKEY 9 D 6 N

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพ ฯ – สนามบินสุวรรณภูมิ

**ไฟลท์ขาไป จะมี 2 ไฟล์ ก่อนทำการจองรบกวนเช็ควันเดินทางจากตารางด้านล่าง**

18.30 น.    พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูหมายเลข 9 เคาน์เตอร์ U สายการบิน TURKISH AIRLINES เพื่อเตรียมตัวเดินทาง และผ่านขั้นตอนการเช็คอิน โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องกระเป๋าสัมภาระและเอกสารการเดินทาง

21.45 น.    ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK065

20.00 น.    พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูหมายเลข 9 เคาน์เตอร์ U สายการบิน TURKISH AIRLINES เพื่อเตรียมตัวเดินทาง และผ่านขั้นตอนการเช็คอิน โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องกระเป๋าสัมภาระและเอกสารการเดินทาง

23.00 น.    ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK069 (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่อง) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง)

วันที่ 2

อิสตันบูล – เมืองอังการ่า – สุสานอตาเติร์ก

04.00 น.   ถึง สนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี

05.20 น.   ถึง สนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เดินทางสู่ เมืองอังการ่า (ANKARA) เมืองหลวงของประเทศตุรกี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2  รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia  ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในตุรกี ความสำคัญของกรุงอังการา กรุงอังการามีประชากรจำนวน 4,965,542  คน ทำให้กรุงอังการาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของตุรกี และอันดับ 2 ในกลุ่มเมืองหลวงยุโรป ในขณะที่นครอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาร์มารานั้น กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย โดยเป็นจุดตัดของการคมนาคมทางบก (รถยนต์และรถไฟ) ที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของตุรกีเข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรที่ขนส่งมาจากภาคต่างๆ ทั่วตุรกีด้วย  

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำทุกท่านเดินทางสู่ สุสานอตาเติร์ก  (ATATURK MAUSOLEUM) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ MUSTAFA KEMAL ATATURK ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้ อิสรภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี และประธานาธิบดีคนแรกเป็นสุสานของ ISMET INONUประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกีด้วย อนุสรณ์สถานออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 ในธนบัตรตุรกีที่พิมพ์ระหว่างปี 1966 – 1987 และ 1999 – 2009 จะเป็นรูป ANITKABIR ด้วย

ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะเข้าสู่ที่พัก BERA HOTEL ANKARA ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 3

อังการ่า – คัปปาโดเกีย – นครใต้ดิน – พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง – หุบเขาอุซิซาร์ – โชว์ระบำหน้าท้อง

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) ระยะทาง 251 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างทางให้ท่านได้แวะถ่ายรูปและชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ (Salt Lake) 

นำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกัน เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ สำหรับที่เราไปชมวันนี้เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึก และทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (OPEN AIR MESEUM) ที่ เมืองเกอเรเม (GOREME) ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์

ชม หุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย 

จากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานทอพรม  โรงงานเซรามิค  อิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึก

ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พร้อมชมการแสดงโชว์ระบำหน้าท้อง BELLY DANCEซึ่งเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึง ปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน

นำคณะเข้าสู่ที่พัก MITHRACAVE HOTEL CAPPADOCIA โรงแรมถ้ำ หรือเทียบเท่า

**โรงแรมที่ได้อาจจะเป็นโรงแรมถ้ำจริง หรือโรงแรมถ้ำจำลอง แล้วแต่ช่วงพรีเรียดที่เดินทางว่าจะได้พักโรงแรมแบบใด**

วันที่ 4

คัปปาโดเกีย – คอนย่า – พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า – ปามุคคาเล่

** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเกีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น. เพื่อชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเจียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ** (ค่าขึ้นบอลลูนอยู่ที่ท่านละ 200 USD) // กรณีที่ขึ้นที่เมืองคัปปาโดเกียไม่ได้ ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนไปขึ้นที่เมือง ปามุคคาเล่ แทน**

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

หลังรับประทานอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 238 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง  ระหว่างทางแวะชม CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำทุกท่านสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEYLANA MUSEUM) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตรของเมฟลาน่าด้วย

หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. (389 กม.) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา

ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะเข้าสู่ที่พัก COLOSSAE HOTEL PAMUKKALE ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 5

ปามุคคาเล่ – ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองเฮียราโพลิส – คูซาดาซี

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE) ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค เมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร เช่น โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    หลังจากนั้นนำทุกท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (KUSADASI) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. (197 กม.)

นำท่านช้อปปิ้ง ณ ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูง ซึ่งตุรกีเป็นประเทศที่ผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุด ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น Versace, Prada, Michael kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย

ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำเข้าสู่ที่พัก RICHMOND EPHESUS HOTEL KUSADASI ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 6

คูซาดาซี – เมืองโบราณเอฟฟิซุส – บ้านพระแม่มารี – ชานัคคาเล่ – วิหารอะโครโปลิส

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (LONIA) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน

นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต

นำท่านเข้าชม  บ้านพระแม่มารี (HOUSE OF VIRGIN MARY)  ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ สร้างด้วยหินอ่อนเป็นสถาปัตยกรรมกรีกแบบไอโอนิค และมีเสาหินตั้งตระหง่านรอบวิหารมากกว่า 100 ต้น ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้

เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (CANAKKALE) ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาร่าตัดกับทะเลอีเจียนซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงทรอย

นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองเปอร์กามัม (PERGAMUM)ชมความสวยงามของ วิหารอะโครโปลิส (ACROPOLIS) ซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็นประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย มีโรงละครที่ชันที่สุดในโลก ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 10,000 คน อะโครโปลิส แปลว่า นครบนที่สูง ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานในการป้องกันเมืองของอาณาจักรกรีกและโรมัน ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง ซึ่งมักจะเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี้

ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำเข้าสู่ที่พัก KOLIN HOTEL CANAKKALE ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 7

ชานัคคาเล่ – ทรอย – อิสตันบูล – พระราชวังโดลมาบาห์เช – ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านสู่ กรุงทรอย (TROY) เมืองที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ในอดีต ถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ชม ม้าไม้แห่งกรุงทรอย (WOODEN HORSE OF TROY) สร้างขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่หลงใหลในมหากาพย์อีเลียดได้เห็นด้วยตาของตนเองอีกด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (iSTANBUL) ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. (364 กม.) เมืองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในตุรกี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส BOSPHORUS เดิมชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ไบแซนเทียม คอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นต้น

เที่ยง     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำท่านเดินทางสู่ พระราชวังโดลมาบาห์เช (DOLMABAHCE PALACE) สร้างโดยสุลต่าน  อับดุล เมซิด Abdul Mecit ในปี 2399 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป จุดเด่นของวังแห่งนี้คือมีการประดับตกแต่งด้วยความประณีตวิจิตรตระการตามีทั้งเฟอร์นิเจอร์ พรม โคมไฟ เครื่องแก้วเจียระใน และรูปเขียน รูปถ่ายต่างๆ ที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ โคมไฟแชนเดอเลียร์ ของขวัญจากอังกฤษทำจากแก้วคริสตัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกหนักถึง 5000 กิโลกรัม ประดับดวงไฟ 750 ดวง พรมทอมือผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เสาหินอ่อนบันไดทางขึ้นห้องโถงตรงราวทำด้วยไม้วอลนัต ลูกกรงราวบันไดทำด้วยแก้วคริสทัล พรมชั้นเลิศราคาแพงที่สุดในโลก ทอโดย CINAR ในตุรกี เครื่องแก้วเจียระไนจากโบฮีเมีย ดีที่สุดในโลกของสาธารณรัฐเช็ก หินอ่อนจากอียิปต์มาทำห้องอาบน้ำ เซาน่า ในรูปแบบที่เรียกว่า เตอร์กิชบาธ ที่น่าสังเกตคือมีนาฬิกาวางประดับไว้มากมาย ทุกเรือนจะชี้บอกเวลา 09.06 น. อ้นเป็นเวลาที่ประธานาธิบดีมุสตาฟา เคมาล หรืออตาเติร์กถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2484 แลมีรูปภาพเหมือนของสุลต่านหลายพระองค์ที่น่าสนใจคือ รูปสุลต่านอับดุล อาซิส ผู้มีรูปร่างใหญ่มาก สูง 195 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม โปรดกีฬามวยปล้ำ ขี่ม้า ยิ่งธนู เป็นสุลต่านองค์แรกที่เสด็จเยือนต่างประเทศ เช่นอียิปต์ ฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยี่ยม เยอรมนี ออสเตรีย และฮังการี ที่น่าทึ่งและประหลาดใจก็คือทุกๆ อย่างในพระราชวังเป็นของดั้งเดิมมิได้ถูกขโมยหรือทำลายเสียหาย การเข้าชมภายในพระราชวังก็ต้องเข้าชมเป็นคณะเป็นรอบๆ มีเวลา มีมัคคุเทศก์ของวังนำชมทีละห้องทีละอาคาร มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอยู่ท้ายคณะ คอยดูแลไม่ให้แตกแถวไม่ให้อยู่ห้องใดห้องหนึ่งนานเกินไป ไม่ให้จับต้องสิ่งของต่างๆและต้องสวมถุงพลาสติกคลุมรองเท้าทุกคน เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นปาร์เกต์อันสวยงามต้องสึกหรอ รวมทั้งพื้นพรมอันล้ำค่าเสียหายพระราชวังเปิดทุกวัน 09.30-16.00 หยุดวันจันทร์และพฤหัสบดี นอกจากนี้ยังมีประตูทางเข้า หอนาฬิกา สวนริมทะเล อุทยาน นาฬิกา ดอกไม้ น้ำพุ สระน้ำ รูปปั้น รูปสลักต่างๆ วางประดับไว้อย่างลงตัว น่าชื่นชมในรสนิยมของสุลต่านแห่งออตโตมันเป็นอย่างยิ่ง

ค่ำ   รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (BOSPHORUS) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ THE BLACK SEA กับทะเลมาร์มาร่า SEA OF MARMARA โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างเริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าเป็นช่องแคบนี้เป็นจุดนัดพบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเซีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะที่ล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเชหรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาน่าค้นหา

นำเข้าสู่ที่พัก TITANIC BUSINESS BAYRAMPASA HOTEL ISTANBUL ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 8

จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต – BLUE MOSQUE – สุเหร่าเซนต์โซเฟีย – อุโมงค์น้ำเยเรบาทัน – SPICE MARKET – สนามบินอิสตันบูล

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็น ที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์ เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7

จากนั้นไม่ไกลนำทุกท่านชม BLUE MOSQUE หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ SULTAN AHMED นั้นเอง 

จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม จวบจนถึงรัชสมัยของ  พระเจ้าจัสตินเนียน มีอำนาจเหนือตุรกี จึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆ มาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬาร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำท่านเดินทางสู่ อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (YEREBATAN SARNICI) สร้างในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนในปี ค.ศ.532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวัง สำรองไว้ใช้ยามอิสตันบูลถูกข้าศึกปิดล้อมเมือง ความกว้าง 65 เมตร ยาว 143 เมตร มีเสาค้ำหลังคา 336 ต้น แบ่งเป็น 12 แถว สามารถจุน้ำได้ทั้งหมด 80,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำที่ได้ส่งผ่านมาทางท่อมาจากแหล่งน้ำที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร ใกล้กับทะเลดำ ที่มาของสถานที่แห่งนี้ชวนให้น่าขนลุกอยู่ไม่น้อย เสาคอลัมน์ หัวเสา และฐานเสานำมาจากซากปรักหักพังของอาคารหลายแห่ง มีเสาทรงแปลกๆมากมาย อย่างเช่นเสาประดับรูปศีรษะเมดูซ่าที่กลับหัวลงและตะแคงข้าง รวมทั้งเสาหยาดน้ำตา ในยุคออตโตมัน 

นำท่านเดินทางสู่ ย่านช้อปปิ้ง CANDY SHOP และ ตลาดสไปซ์ SPICE MARKET หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากคุณภาพดีได้ในราคาย่อมเยาไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง หรือเตอกิสดีไลท์ สินค้าอันเลื่องชื่อของตุรกีซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย ได้เวลาอันสมควร

**ไฟลท์ขากลับ จะมี 2 ไฟล์ ก่อนทำการจองรบกวนเชควันเดินทางจากตารางด้านล่าง**

17.00 น.   นำคณะเดินทางสู่สนามบินอตาเติร์ก มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าในสนามบิน

20.50 น.   ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK064

22.00 น.   นำคณะเดินทางสู่สนามบินอตาเติร์ก มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าในสนามบิน (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่อง) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง)

วันที่ 9

สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ

09.45 น.   เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

01.25 น.   ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ  โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK068

15.00 น.   เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

อัตราค่าบริการนี้รวม

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมคณะ             
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มี
  • ค่าน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระท่านละไม่เกิน 20 กก.  
  • ค่ารถรับ-ส่ง และนำเที่ยวตามรายการ
  • ค่าที่พักตามที่ระบุในรายการ พักห้องละ 2 ท่าน    
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการ    
  • ค่าอาหารตามมื้อที่ระบุในรายการ            
  • ค่าจ้างมัคคุเทศก์บริการตลอดการเดินทาง 
  • ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง วงเงินท่านละ 1,000,000 บาท  (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรศัพท์ทางไกล ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าซักรีด มินิบาร์ในห้อง รวมถึงค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มนอกเหนือรายการ (กรุณาสอบถามจากหัวหน้าทัวร์ก่อนการใช้บริการ)
  • ค่าทิปไกด์และคนขับรถและหัวหน้าทัวร์ ท่านละ 60 USD/ทริป/ท่าน 
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าวีซ่าสำหรับคนที่ไม่ได้ถือพาสสปอร์ตไทย

ราคา

THB 10,000,000

29 มีนาคม 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more