มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน

มหัศจรรย์ตุรกี...บินภายใน 8 วัน 5 คืน

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพ • ตุรกี

19.30 น.    พร้อมกันที่สนามบินสุววรณภูมิ เคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เคาท์เตอร์U ประตู 9 Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

22.50 น.    ออกเดินทาง (บินตรง)สู่ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูลโดยเที่ยวบินที่ TK65

วันที่ 2

สนามบินอิสตันบูล• สนามบินเนฟเซไฮร์บินภายใน• เมืองคัปปาโดเกีย• พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม นครใต้ดินไคมัคลึ•ชมโรงงานผลิตพรมทอมือ• ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่

05.45 น.    เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก ประเทศตุรกี เตรียมตัวเปลี่ยนเครื่องเพื่อบินภายในประเทศ

06.35 น.    ออกเดินทางสู่สนามบินเนฟเซไฮร์(NevşehirKapadokya Airport) โดยเที่ยวบินที่ TK2006

07.50 น.    เดินทางถึงเมืองเนฟเซไฮร์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วพบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)

เดินทางสู่  เมืองคัปปาโดเกีย(Cappadocia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี”  ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา

จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

จากนั้น ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  นครใต้ดินไคมัคลึ(Underground City of Derinkuyu or Kaymakli)เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท

จากนั้น  ชมโรงงานผลิต พรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุดต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke)พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลีชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเคชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  ชมการแสดงพื้นเมือง “โชว์ระบำหน้าท้อง”Belly Danceเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปีในดินแดนแถบ อียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์ เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่
ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้า ท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะ ที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน

ที่พัก  พักโรงแรมตกแต่งสไตล์ถ้ำ 1 คืน ALFINA CAVE HOTELหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกันมาตรฐานตุรกี

** ในกรณีโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ใช้โรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกันแทน**

วันที่ 3

เมืองคอนย่า • สถานีคาราวาน •พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า•เมืองปามุคคาเล

05.00 น.    นำท่านเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียยามเช้า โดยการขึ้นบอลลูน โดยท่านจะเห็นวิวทั่วเมืองคัปปาโดเกีย โดยจะนั่งบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในรายการ ค่าบริการท่านละ 230 USDโดยประมาณ โดยสอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกทีในวันที่จะเดินทาง

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

เดินทางสู่ เมืองคอนย่าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงรูปภาพ ระหว่างทาง แวะชม สถานีคาราวาน (Caravanserai) มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอิทธิพลจากเปอร์เชีย ที่ก่อสร้างเป็นที่พักเล็กข้างทางที่นักเดินทางสามารถใช้สำหรับการพักผ่อน ให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง สถานีคาราวานตั้งอยู่ได้จากการคมนาคมทางการค้า การติดต่อสื่อสาร และการเดินทางของผู้คนในเครือข่ายของเส้นทางการค้า (trade routes) เป็นที่รู้จักในภาษาไทยด้วยชื่อเรียกว่า "โรงเตี๊ยม"

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า(Mevlana museum)หรือสำนักลมวน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1231 โดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม  พิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดินภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม

จากนั้น  ทำท่านเดินสู่ ปามมุคคาเล(Pamukkale)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก COLOSSAE THERMAL HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่ PAMUKKALAมาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 4

ปราสาทปุยฝ้าย•โรงงานผลิตเสื้อหนัง•เมืองโบราณเอฟฟิซุส • เมืองไอวาลิค

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

ปามุคคาเล แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็จะค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่า ปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่าง ๆ ทำให้ในอดีต
ชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร  นำท่านชมโรงงานผลิตเสื้อหนังที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริการครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลก

จากนั้น  ชมเมืองโบราณเอฟฟิซุส  (Ephesus) เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมาก

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก  HALIC PARK DIKILI หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง Ayvalikมาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 5

ชานักกาเล•ชมเมืองโบราณทรอย•ถ่ายรูป กับม้าโทรจัน •เมืองอิสตันบูล

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่ เมืองชานักกาเล(Canakkale) เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi)หรือ เฮลเลสปอนต์ (Hellespont)มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับแหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนชานักกาเลเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอย ที่ปรากฏในสงครามกรุงทรอย ปัจจุบัน มีซากของกำแพงเมืองที่เป็นหินหนาปรากฏอยู่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

จากนั้น ชม เมืองโบราณ ทรอย(Troy)ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้’ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของ ‘กรุงทรอย’

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป กับม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย (Trojan horse)เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ

จากนั้น    นำท่านเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล (ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง) เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีปคือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย)

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก LIONEL HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง ISTANBUL มาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 6

บลูมอสก์•ตลาดแกรนด์บาซาร์• พระราชวังโดลมาบาห์เช่• ล่องเรือช่องแคบบอสพอรัส • ชอปปิ้ง สไปซ์มาเก็ต

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  ชมสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล“บลูมอสก์” (Blue Mosque)สุเหร่าสีน้ำเงินสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางสุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6 หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง

จากนั้น  ชอปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศตุรกี มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี นอกจากจะเก่าแก่ที่สุดแล้ว ยังเป็นตลาดในร่มสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในตลาดแกรนด์บาซาร์มีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้าน มีทางเข้ามากกว่า 21 ทาง แบ่งออกเป็นโซนตามประเภทสินค้าชัดเจน สินค้าหลักๆ ที่ขายในนี้คือ เครื่องเงิน พรม สิ่งทอ เสื้อผ้า วัตถุโบราณ ทองคำ และของที่ระลึก

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

ชม   พระราชวังโดลมาบาห์เช่(Dolmabahce Palace)ซึ่งสร้างเสร็จในสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตซึ่งทรงคลั่งไคล้ความเป็นยุโรปอย่างที่สุดทรงมีพระประสงค์จะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแห่งใหม่แทนพระราชวังทอปกาปิการอสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เชเน้นความหรูหราอลังการสะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เด่นชัด ด้านหน้าพระราชวังมีหอนาฬิกาใหญ่สไตล์บาร็อกตั้งตระหง่าน ขณะที่ตัวพระราชวังนั้นงดงามด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ลูกกรงบันไดยังตกแต่งด้วยแก้วเจียระไน ห้องโถงใหญ่ประดับด้วยโคมระย้าขนาดมหึมาหนักกว่า 4.5 ตัน อลังการงานสร้างจริงๆ

จากนั้น   นำท่านล่องเรือช่องแคบบอสพอรัส(Bosporus Strait)เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างตุรกีเธรซที่อยู่ในทวีปยุโรปกับคาบสมุทรอานาโตเลียในทวีปเอเชีย เป็นช่องแคบหนึ่งของตุรกีคู่กับช่องแคบดาร์ดะเนลส์ทางตอนใต้ที่เชื่อมกับทะเลอีเจียน ช่องแคบบอสฟอรัสทางตอนเหนือและช่องแคบดาร์ดาเนลส์ทางตอนใต้เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลมาร์มะราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่องแคบบอสฟอรัสยาวราว 30 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดกว้าง 3,700 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 700 เมตร ความลึกระหว่าง 36 ถึง 124 เมตร ฝั่งทะเลของช่องแคบเป็นเมืองอิสตันบูลที่มีประชากรหนาแน่นถึงราว 11 ล้านคน

จากนั้น ชอปปิ้ง ณ สไปซ์มาเก็ต เป็นตลาดที่มีอายุเก่าแก่ยาวนาน ถึง 350 กว่าปีสินค้าที่ขายอันดับหนึ่ง ได้แก่เครื่องเทศ ตามชื่อของตลาดสไปซ์ โดยแทบทุกร้านจะมีกระบะไม้วางเรียงกัน แต่ละกระบะจะบรรจุเครื่องเทศกลิ่นต่างๆ เช่นเครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อ ต้มน้ำซุป หรือ แม้แต่อบเชยหรือซีเนมอนที่ใช้ผสมกับเครื่องดื่มนอกจากเครื่องเทศแล้วยังมีสินค้าประเภทถั่ว ชาผลไม้ รวมไปถึงผลไม้อบแห้ง น้ำผึ้งแท้ น้ำมันหอมระเหย ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก รวมถึงเตอกิชดีไลท์ ขนมหวานเตอร์กิชต้นตำรับแท้ๆ

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก  LIONEL HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง ISTANBUL มาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 7

ฮายาโซฟีอา • อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน • ฮิปโปโดรม • ชมพระราชวังทอปกาปึ สนามบินอิสตันบูล

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านชม  ฮายาโซฟีอา (Hagia Sophia)เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม เช่นเสามินาเรต แทน สุเหร่าโซฟีอาเป็นสุเหร่าหลักของอิสตันบูลมากว่า 500 ปี และเป็นต้นแบบของสุเหร่าออตโตมันอีกหลายแห่ง เช่นสุเหร่าสุลต่านอาเหม็ด (สุเหร่าสีน้ำเงิน), สุเหร่าเซห์ซาเด, สุเหร่าซือเลย์มานิเย และสุเหร่ารืสเตม ปาชา ในปี 1935 ฮายาโซฟีอาก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์โดยรัฐบาลตุรกีจนถึงปัจจุบัน

ชม  อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน( Basilica Cistern )อุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีก
ต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  ชม จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด(Sultanahmed Complex)หรือที่มีชื่อเรียกมาแต่โบราณว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome)ซึ่งย่านแห่งนี้แต่เดิมเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์และใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬาขับรถม้า แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยจากอดีตที่มีแค่ลานและเสาโบราณอีก 3 ต้น คือ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวยาวขึ้นไปเป็นยอดแหลมส่วนเสาโบราณต้นที่ 2 เรียกกันทั่วไปว่า เสางู (Bronze Serpentine Column) เป็นเสาบรอนซ์ที่แกะลวดลายเป็นรูปงู 3 ตัวพันเกี่ยวกันไปมาได้รับการยอมรับว่าเป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเหลืออยู่ในอิสตันบูล และเสาต้นที่ 3 มีชื่อว่า เสาคอนสแตนติน (Column of Constantine) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1483 แต่เดิมเป็นเสาบรอนซ์ แต่ในช่วงสงครามครูเสดได้ถูกศัตรหลอมเอาบรอนซ์ออกไปจนเหลือเพียงแค่เสาปูนเท่านั้น

บ่าย  ชมพระราชวังทอปกาปึ(Topkapi Palace)อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย 'จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต'(MEHMET THE CONQUEROR)ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน(พวกนอกศาสนา)มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน 'มาห์มุทที่ 3' ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านฯลฯ พระราชวังทอปคาปีเป็นที่สำหรับแสดงทรัพย์สมบัติอันมีค่าของสุลต่านของออตโตมานสมัยต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก, พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม ในอดีตภายในพระราชวังนี้จะมีข้าราชบริพารทำงานกันอยู่ประมาณ 5 พันคน จึงมีสภาพคล้ายตัวเมืองที่ซับซ้อนอยู่ในตัวเมืองอีกชั้นหนึ่ง ตัวพระราชวังนั้นได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรในยุคที่จักรวรรดิออตโตมานรุ่งเรืองถึงขีดสุด

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

จากนั้น    ได้เวลาอันสมควร เดินทางเข้าสู่สนามบินอิสตันบูล

วันที่ 8

สนามบินอิสตันบูล• กรุงเทพ

01.25 น.    ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ  โดยสายการบินสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่TK68

15.00 น.    เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

       *******************************************

อัตราค่าบริการรวม

  • ตั๋วเครื่องบินไป -กลับพร้อมกรุ๊ป กรุงเทพฯ-อิสตันบูล-กรุงเทพฯ สายการบิน Tukish Airlines(TK) ไม่สามารถสะสมไมล์ได้
  • ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ IST-NAV อิสตันบูล-เนฟเซไฮ
  • ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด(สงวนสิทธิเก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 20 กก.ต่อ 1 ใบ(โหลดได้ท่านละ 1 ใบ)กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry 7 กก.ต่อ 1 ใบ
  • ค่าที่พักโรงแรมตลอดการเดินทาง ระดับมาตรฐาน (พักห้องละ 2 ท่าน)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามรายการระบุ,น้ำดื่มบริการบนรถวันละ 1 ขวด/ท่าน
  • ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
  • ค่ารถโค้ชรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
  • ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวคนไทย
  • ประกันอุบัติเหตุวงเงิน1,000,000 บาท, ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 500,000 บาท

อัตราค่าบริการไม่รวม

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
  • ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  • ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด 20 กิโลกรัมต่อท่าน
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,พนักงานขับรถ,หัวหน้าทัวร์ตามระเบียบธรรมเนียม รวมทั้งทริป 80USD/ท่าน

ราคา

THB 10,000,000

29 มีนาคม 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more