พม่า -ย่างกุ้ง- พุกาม- มัณฑะเลย์- สกายน์ 4 วัน 3 คืน พม่า -ย่างกุ้ง- พุกาม- มัณฑะเลย์- สกายน์ 4 วัน 3 คืน พม่า -ย่างกุ้ง- พุกาม- มัณฑะเลย์- สกายน์ 4 วัน 3 คืน พม่า -ย่างกุ้ง- พุกาม- มัณฑะเลย์- สกายน์ 4 วัน 3 คืน พม่า -ย่างกุ้ง- พุกาม- มัณฑะเลย์- สกายน์ 4 วัน 3 คืน

พม่า -ย่างกุ้ง- พุกาม- มัณฑะเลย์- สกายน์ 4 วัน 3 คืน

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง – พระนอนตาหวาน – เจดีย์โบตะทาวน์ – เทพทันใจ – พระมหาเจดีย์ชเวดากอง

***เฉพาะพีเรียด เดินทาง วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 62 (ช่วงเช้าของวันเเรก)***

05.00 น.  พร้อมกันที่สนามบินดอนเมืองอาคาร 1 ชั้น 2 ประตู 1 เคาท์เตอร์สายการบินไทยแอร์ Thai Air Asia (FD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

07.30 น.  ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง โดยเที่ยวบิน FD 251

08.15 น.   เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)

จากนั้น   นำท่านชม วัดพระหินอ่อน (Marble Buddha) ซึ่งเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปหยกขาว(White jade Buddha) สร้างจากหินหยกก้อนใหญ่นำมาจากเมืองมัณฑะเลย์มีพระประวัติและมีรอยพระพุทธบาทจำลอง จากนั้น  สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htatgyi Buddha) หรือ พระนอนตาหวาน นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีความสวยที่สุด มีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกัน ซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย เที่ยวชม ตลาดโบโจ๊ก อองซาน (Bogyoke AungSan) หรือ ตลาดสก๊อต (Scot Market) ตลาดเก่าแก่ของชาวพม่าสร้างขึ้นโดยชาวสก๊อตในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นลักษณะอาคารเรียงต่อกันหลายหลัง สินค้าที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายชนิด เช่น เครื่องเงิน ที่มีศิลปะผสมระหว่างมอญกับพม่าภาพวาด งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก ผ้า ทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา เป็นต้น  (หากซื้อสิ้นค้าหรืออัญมณีที่มีราคาสูงควรขอใบเสร็จรับเงินด้วย ทุกครั้ง เนื่องจากจะต้องแสดงให้ศุลกากรตรวจ)

***พีเรียด เดินทาง ตั้งแต่ เดือน เมษายน เป็นต้นไป***

09.30 น.   พร้อมกันที่สนามบินดอนเมืองอาคาร 1 ขาออก ชั้น 2 ประตู 1 เคาท์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย Thai Air Asia (FD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

12.10 น.   ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง โดยเที่ยวบิน FD 255

12.55 น.   เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว(เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)

จากนั้น  สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htatgyi Buddha) หรือ พระนอนตาหวาน นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีความสวยที่สุด มีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย

เที่ยง    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่  เจดีย์โบตาทาวน์ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์ จากนั้นนำท่านขอพร นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบยี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆมาสักการะ นัตโบโบยี จะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย)แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยีสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปรารถนาที่ขอไว้ จากนั้น นำท่านข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว ซึ่งการขอพรเทพกระซิบต้องไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน ชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมากเช่นกัน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอกดอกไม้ และผลไม้

เย็น   นำท่านชมและนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่า สถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิรมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาลองค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดน้ำหนักยี่สิบสามตันภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์ บนยอดประดับด้วยเพชรพลอยและอัญมณีต่างๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอดบริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหารสี่ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาท ซ้อนเป็นชั้นๆงานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น ชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อนอังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นภายหลังชาวพม่า ช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ ให้ตีระฆัง 3 ครั้งแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการจากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีส้ม, สีแดง เป็นต้น

                              พระมหาเจดีย์ชเวดากอง

คำไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง  วันทามิอุตตมะ ชมพูวระฐาเนสิง กุตตะเรมะโนลัมเม สัตตังสะรัตนะ  ปฐมังกกุสันธังสุวรรณะตันตัง ธาตุโยธัสสะติทุติยังโกนาคะ มะนังธัมมะการะนังธาตุโย ธัสสะติตติยังกัสสปัง พุทธจีวะรังธาตุโยธัสสะติจตุกัง โคตะมังอัตถะเกศาธาตุโยธัสสะติ  อหังวันทามิตุระโต อหังวันทามิธาตุโย อหังวันทามิสัพพะทา อหังวันทามิสิระสา

** อธิษฐานพร้อมด้วยใบไม้ที่แปลว่าชัยชนะและความสาเร็จ **

วันเกิด

อาทิตย์ 

จันทร์ 

 อังคาร  

พุธ 

พุธกลางคืน  

พฤหัสบดี 

ศุกร์ 

เสาร์

สัตว์สัญลักษณ์

ครุฑ  

เสือ  

สิงห์

ช้างมีงา

ช้างไม่มีงา  

 หนูหางยาว  

หนูหางสั้น  

พญานาค

 

จากนั้น   นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมระดับ 4 ดาวที่ย่างกุ้ง 19.00 น.    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร  ชาบูชิบุฟเฟ่ต์ อร่อยเต็มอิ่มกับชาชูชิ สุกี้หม้อไฟและซูชิ ข้าวปั้นสารพัดหน้าในเครือโออิชิ

โรงแรมระดับ 4 ดาว  SUMMIT PARK VIEW HOTEL 4 STAR หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่ 2

ย่างกุ้ง-พุกาม-วัดเจดีย์ชเวสิกอง-วัดอนันดา-วัดมนุหา-วัดกุบยางกี-วัดติโลมินโล-วัดสัญพัญญู-วิหารธรรมยันจี-เจดีย์ชเวชานดอร์-โชว์พื้นเมืองเชิดหุ่นกระบอก

05.00 น.   รับประทานอาหารเช้า แบบกล่องจากทางโรงแรม

05.30 น.   นำท่านเดินทางสู่สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ

06.30 น.   ออกเดินทางสู่สนามบินยองลู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม โดยสายการบิน Air KTZ  เที่ยวบินที่ .................

07.45 น.    เดินทางถึงเมืองพุกาม(Bagan) นำท่านนำท่านชม พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ ใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม ชม วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน สร้างเสร็จเมื่อปี 1091 ซึ่งวิหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพุกาม มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้านซึ่งต่อมาเจดีย์แห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์

จากนั้นพาท่านชม วัดมนุหา(ManuhaTemple) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่บ้านมยินกะบา สร้างเมื่อปี 1059 โดยพระเจ้ามนูหะกษัตริย์แห่งมอญ เพื่อสั่งสมบุญไว้สำหรับชาติหน้า จึงได้นำอัญมณีบางส่วนไปขายมาสร้างวัดนี้ โครงสร้างวิหารค่อนข้างแคบ มีพระนอนหนึ่งองค์ กับ พระพุทธรูปอีกสามองค์นั่งเบียดเสียดอยู่ภายใน สะท้อนถึงความคับแค้นพระทัยของกษัตริย์เชลยพระองค์นี้เป็นอย่างดี

เที่ยง     บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม

จากนั้นพาท่านเที่ยว วัดกุบยางกี (Gubyaukkyi Tempel) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม ที่ยังคงเหลืออยู่ จากนั้นเข้าชม วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 โดยพระบัญชาของพระเจ้านันต่าว-มยา เป็นพระโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดกับนางห้ามผู้หนึ่ง และได้เสี่ยงทางเลือกให้เป็นราชทายาท เป็นวัดสูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐ์ฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ ทั้งสองชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้น อันประณีตสวยงาม สร้างโดยพระติโลมินโล เมื่อปี พ.ศ.1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก นมัสการ เจดีย์สัพพัญญู ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม ชมวิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาป ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา

จากนั้น นำท่านเดินทางชมและเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) ท่านสามารถมองเห็นทุ่งทะเจดีย์ในมุม 360 องศา ได้จากเจดีย์แห่งนี้ 

ค่ำ    บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก  ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรสอาหารพื้นเมือง ชมวิหารธรรมยันจีพร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก

**นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมหรูระดับ 4 ดาว**โรงแรมระดับ 4 ดาว SU TIEN SAN HOTEL 4 STAR หรือเทียบเท่า

วันที่ 3

พุกาม-มัณฑะเลย์-พระราชวังมัณฑะเลย์-พระราชวังไม้สักชเวนานจอง-วัดกุโสดอ-อมรปุระ-สะพานไม้อูเบ็ง- เขามัณฑะเลย์

06.30 น.   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

08.05 น.   ออกเดินทางไปสนามบินพุกาม สู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน Air KTZ  เที่ยวบินที่ ..........

08.35 น.   เดินทางถึง สนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง อมรปุระ (Amrapura) เมืองแห่งผู้เป็นอมตะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นราชธานีเพียง 76 ปี แห่งหนึ่งของพม่าก่อนที่จะย้ายมายอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปี พ.ศ.2400

ชม สะพานไม้อูเบ็ง (U-Ben) สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง1,208 ต้นซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี สะพานอูเบ็งสร้างจากไม้สักที่รื้อถอนจากพระราชวังเก่ากรุงอังวะ โดยพระเจ้าปดุงให้ขุนนางชื่ออูเบ็งคุมงานก่อสร้างสะพานแห่งนี้เลยตั้งชื่อตามผู้คุมทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน ไปสู่วัดจอกตอจี ซึ่งมีเจดีย์ที่สร้างตามแบบวัดอนันดาแห่งพุกาม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังทีเป็นศิลปะชาวกรุงศรีอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนตอนเสียกรุงให้มาอยู่ในอาณาบริเวณแถบนี้นั่นเอง

เที่ยง      บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย    นำท่านชมพระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม 2488เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมายถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่า ด้วยเหตุผลว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่นพระราชวังมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นพระราชวังไม้สักก็ถูกไฟไหม้เผาราบเป็นหน้ากลองหลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูนํ้ารอบพระราชวังที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา

จากนั้น นำท่านไป พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (Golden Palace Monastry) วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัด ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง

นำท่านชม วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) วัดกุโสดอเป็นวัดที่พระเจ้ามินดงทรงโปรดฯให้มีการ จัดสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ของโลกขึ้นโดยทรงให้จารึกพระไตรปิฎกจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนแผ่นหินอ่อน 729 แผ่น รวม1,428 หน้า และได้สร้างมณฑปสีขาวครอบแผ่นจารึกหินอ่อนเหล่านี้ไว้ (1 แผ่นต่อ 1 มณฑป) เรียงรายรอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า “หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดกุโสดอ

เย็น    นำท่านเดินทางสู่ ภูเขามัณฑะเลย์ Mandalay Hill ภูเขามัณฑะเลย์อัน(เชื่อว่า)ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์นั้น ทุกๆเย็นบนยอดเขาแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เพราะบนนี้ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกและจุดชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ชั้นดี  เราจึงไม่ขอพลาดการขึ้นไปกินลมชมวิวบนนั้นด้วยประการทั้งปวง ก่อนทางขึ้นเขามีรูปปั้นสิงห์สีขาวตัวใหญ่สไตล์พม่า 2 ตัว ตั้งตระหง่านเป็นผู้เฝ้าทางขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าเป็นสิงห์ศักดิ์สิทธิ์ นิยมมากราบไหว้ขอพร โดยเฉพาะการขอลูกว่ากันว่าสัมฤทธิ์ผลมานักต่อนัก สาวๆคนไหนที่แต่งงานแล้วยังไม่มีลูกหากมีโอกาสผ่านไปก็ลองไปขอกันได้ ส่วนใครที่ยังไม่แต่งงานควรขอให้เจอเนื้อคู่ก่อนเป็นอย่างแรก แล้วจึงค่อยกลับมาขอลูกต่อในเสต็ปต่อไป วัดมัณฑะเลย์จอคตอคยี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขามัณฑะเลย์ฮิลล์ พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพม่า รองจากพระสร้างใหม่ในเมืองย่างกุ้ง จากข้อมูลที่ได้รับพม่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก ทั้งทองคำ น้ำมัน แร่ต่างๆ รวมถึงอัญมณี จึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาศิลาอ่อนมาแกะสลักรูปเคารพตามความเชื่อด้านบนนั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด
ในมัณฑะเลย์สามารถมองเห็นแม่น้ำอิรวดี สายเลือดเส้นใหญ่ของพม่าได้ชัดเจน และจากจุดเดียวกันก็ยังเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังมัณฑะเลย์ที่เคยรุ่งโรจน์มาแต่อดีต มีบริการลิฟท์ของที่นี่เพื่อเดินทางต่อขึ้นไปยังวิหารที่เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุ อันบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป ”ชเวยัตตอร์” ประทับยืน 2 องค์ โดยพุทธลักษณะนั้นคล้ายกับกำลังชี้พระหัตถ์ไปยังพระราชวังกลางกรุงมัณฑะเลย์ ซึ่งมีความหมายว่าที่นี่จะเป็นศูนยกลางของราชธานีต่อไป สำหรับภูเขามัณฑะเลย์มีความสูง 236 เมตร หากใครอยากเดินที่นี่มีบันได 7,292 ขั้นให้เดิน

19.00 น.   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พิเศษ เมนูกุ้งเผา 

*นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว **โรงแรมระดับ 4 ดาวHAZEL MANDALAY HOTEL 4 STAR

วันที่ 4

ร่วมพิธีล้างหน้าพระพักตร์พระมหามัยมุณี-มัณฑะเลย์-สกายน์-กรุงเทพฯ

04.00 น.    นำท่านนมัสการ พระมหามัยมุนี อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 แห่งของพม่า ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดี เมื่อปี พ.ศ. 689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้ว ทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 9 ฟุต ในปี พ.ศ. 2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนี หรือวัดยะไข่ (วัดอาระกัน หรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามัยมุนี และในปี พ.ศ.2422 สมัยพระเจ้า สีปอ ก่อน  จะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำ จึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้นํ้าหนักถึง 700 บาท ต่อมาในปี พ.ศ.2426 ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่า โดยรอบ ๆ ระเบียงเจดีย์ยังมีโบราณวัตถุที่นำไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 1 พร้อมทั้ง เชิญทุกท่านร่วมทำบุญบูรณวัดกุสินารา ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ สวยงามมาก

07.00 น.    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น  เดินทางสู่เมืองสกายน์   ศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ท่านจะได้ชมทัศนียภาพของเมืองสกายน์ ลุ่มแม่น้ำอิระวดี เจดีย์จำนวนมากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่บนภูเขา และริมฝั่งแม่น้ำ ประมานพุทธศตวรรษที่ 19 มีเจ้าเชื้อสายไทยใหญ่เมืองสกายน์ นาม สอยุน รวบรวมผู้คนแล้วตั้งตนเป็นกษัติย์อยู่ที่เมืองสกายน์ หรือสะแกง ที่ตั้งปัจจุบันอยู่ใหล้เนินเขาบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี ห่างจากมัณฑะเลย์ไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร สกายน์เป็นราชธานีได้เพียง 59 ปี ภายหลังเกิดการชิงอำนาจกัน สุดท้ายพระเจ้าโดะมินพญา ได้รับชัยชนะจึงย้านเมืองหลวงใหม่มาตั้งที่ปากแม่น้ำมิดแง ตรงที่บรรจบกับแม่น้ำอิรวดี จนเป็นที่ตั้งของเมืองอังวะในเวลาต่อมา

จากนั้นชมเจดีย์กวงมูดอร์ หรือวัดเจดีย์นมนาง สร้างโดยพระเจ้าต้าหลู่ เมื่อปี ค.ศ.1636 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุที่ได้มาจากลังกา เจดีย์นี้เป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำแบบสิงหล หรือเจดีย์ทรงลังกา มีตำนานเล่าว่าองค์ระฆังทรงกลมผ่าครึ่งซีกนี้ ได้ต้นแบบมาจากถันพระชายาคนโปรดของพระเจ้าต้าหลู่องค์เจดีย์มีความสูง 46 เมตร เส้นรอบวงวัดได้ 274 เมตร และใช้อิฐในการก่อสร้างมากถึง 10,126,552 ก้อน แล้วชม Umin Thonse` Pagoda or 30 Caves Pagoda เจดีย์อูมินทงแส่ภายในมีพระพุทธรูป 45 องค์ประดิษฐานเรียงกันเป็นครึ่งวงกล

ได้เวลาสมควร  นำทุกท่านเดินทางกลับสู่สนามบินมัณฑะเลย์

12.55 น.    ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 245 ** มีบริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง **

15.10 น.    เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการรวม

  • ตั๋วเครื่องบินชั้นทัศนาจรไป -กลับพร้อมกรุ๊ป อยู่ต่อต้องเสียค่าเปลี่ยนแปลงตั๋ว 
  • ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศเส้นทาง ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์ บิน 2 ขาภายใน
  • ที่พักโรงแรมตามรายการ 3 คืน พักห้องละ 2-3 ท่าน (กรณีมาไม่ครบคู่และไม่ต้องการเพิ่มเงินพักห้องเดี่ยว)
  • อาหารตามรายการระบุ(สงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์) 
  • ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 20 กก.ต่อ 1 ใบ
  • ค่ารถโค้ชรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
  • ค่าไกด์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวตามรายการ
  • ประกันอุบัติเหตุวงเงิน1,000,000 บาท (เป็นไปเงื่อนไขตามกรมธรรม์) 
  • ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด(สงวนสิทธิเก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)

อัตราค่าบริการไม่รวม

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
  • ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,คนขับรถ,ผู้ช่วยคนขับรถ 800 บาท/ทริป/ลูกทัวร์ 1 ท่าน(บังคับตามระเบียบธรรมเนียมของประเทศค่ะ)
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ตามสินน้ำใจของทุกท่านค่ะ(ไม่รวมในทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถนะคะแต่ไม่บังคับทิปค่ะ)

** ขณะนี้รัฐบาลไทยและเมียนมาร์ได้ลงนามความตกลง ยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ และจะมีสิทธิพำนักในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2558 ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงจะต้องกลับมายื่นวีซ่าปกติอีก ทางทัวร์จะต้องเรียกเก็บค่าวีซ่าเพิ่มอีกท่านละ 1,000 บาท **

ราคา

THB 10,000,000

29 มีนาคม 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more