HOKKAIDO HAKODATE PREMIUM AUTUMN IN HOK 6 D 4 N
Travel Information
Travel Rate
วันที่ 1
สนามบินสุวรรณภูมิ
20.00 น พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยตอนรับท่าน
23.45 น ออกเดินทางสู่สนามบินชิโตเช่ เกาะฮอกไกโด ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG670 (บริการอาหารร้อน พร้อมเครื่องดื่ม บนเครื่อง)
วันที่ 2
สนามบินชิโตเซะ – อุทยานแห่งชาติโอนุมะ - เมืองฮาโกดาเตะ – ป้อมโกเรียวคาคุ – นั่งกระเช้าชมวิวกลางคืน ณ ภูเขาฮาโกดาเตะ
08.30 น. เดินทางถึง สนามบินชิโตเซะ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น หลังจากผ่านขั้นตอนศุลกากรเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติโอนุมะ (Onuma Quasi National Park) ตั้งอยู่ห่างจาก Hakodate ไปทางทิศเหนือเพียง 20 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงามของเกาะ ทะเลสาบ และภูเขาไฟโคมะงาตาเกะ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ พื้นที่ที่น่าสนใจที่สุดของอุทยานแห่งนี้คือ ระหว่างทะเลสาบ โอนุมะและทะเลสาบโคนุมะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินสำรวจพื้นที่ได้ทั้งหมด ซึ่งจะมีเส้นทางการเดินคาบสมุทรและเกาะแก่งต่างๆที่เชื่อมต่อด้วยสะพานเล็กๆ ใช้เวลาประมาณ 15-60 นาที หรืออาจจะเช่าจักรยาน (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 500 เยน/ชั่วโมง 1,000 เยน/วัน) สำหรับปั่นไปรอบๆ ทะเลสาบโอนุมะ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (1)
เดินทางสู่ เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค ฮอกไกโด ตั้งอยู่ปลายสุดทางตอนใต้ของเกาะ มีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาฮาโกดาเตะ และอาหารทะเลสดใหม่ ในอดีตเป็นเมืองหนึ่งที่มีท่าเรือสำหรับเปิดการค้าระหว่างประเทศในช่วงหลังจากยุคแยกประเทศ เมืองฮาโกดาเตะได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก มีย่านที่อยู่อาศัยของชาวต่างประเทศ และป้อมสไตล์ตะวันตก
ผ่านชม ท่าเรือเมืองฮาโกดาเตะ หรือ ย่านเมืองเก่าโมโตมาชิ (Motomachi District) เป็นท่าเรือแรกที่เปิดให้มีการค้าระหว่างประเทศในปี 1854 ในช่วงสิ้นสุดยุคญี่ปุ่นแบ่งแยก ดังนั้นทำให้มีผู้ค้าจำนวนมากจากรัสเซีย จีน และประเทศตะวันตก ได้ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในเมืองฮาโกดาเตะบริเวณฐานภูเขาฮาโกดาเตะ ส่งผลให้ฮาโกดาเตะได้รับอิทพลต่างๆมาจาก ชาวตะวันตก โดย ปัจจุบันยังคงมีอาคารสไตล์ต่างประเทศคงเหลืออยู่ สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี
จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่น ณ โกดังอิฐแดงริมน้ำ (Red Brick Warehouses) ได้ปรับปรุงมาจากคลังสินค้าอิฐสีแดงที่เคยใช้ค้าขายในปลายสมัยเอโดะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำของอ่าวฮาโกดาเตะ ศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงที่ให้บรรยากาศเก่าๆ นอกจากร้านขายของที่ระลึกที่ทันสมัย เสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และร้านขนมหวานแล้ว ยังมีร้านอาหาร ลานเบียร์ โบสถ์สำหรับจัดพิธีแต่งงาน และบริการล่องเรือเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของอ่าวฮาโกดาเตะอีกด้วย หลังอาหารนำท่านนั่ง กระเช้าชมวิวกลางคืน ณ ภูเขาฮาโกดาเตะ Mount Hakodate Night View สูง 334 เมตร ตั้งอยู่ในป่าทางตอนใต้ของปลายคาบสมุทรใกล้ใจกลางเมืองฮาโกดาเตะ ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงาม
เย็น อิสระรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก SMILE HAKODATE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่ 3
ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ – ย่านเมืองเก่าโมโตมาชิ - โนโบริเบทสึ – หุบเขานรกจิโกกุดานิ – ภูเขาไฟโชวะ – สวนหมีภูเขาไฟโชวะ - ซัปโปโร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (2)
นำท่านสู่ ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market) มีพื้นที่ประมาณ 4 ช่วงตึก เปิดเปิดเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่ตอนเช้าตีห้าถึงเที่ยงตรง ในตลาดจะจำหน่ายอาหารทะเลสด เช่น ปูคานิ ไข่ปลาแซลม่อน และหอยเม่นทะเล พร้อมทั้งผลไม้ต่างๆ บริเวณใกล้เคียงมีร้านอาหารหลายร้าน เมนูที่นิยมที่สุดคือ Uni-Ikura Domburi (ข้าวเสิร์ฟพร้อมหอยเม่นทะเลและไข่ปลาแซลม่อน)
จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่น ณ โกดังอิฐแดงริมน้ำ (Red Brick Warehouses) ได้ปรับปรุงมาจากคลังสินค้าอิฐสีแดงที่เคยใช้ค้าขายในปลายสมัยเอโดะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำของอ่าวฮาโกดาเตะ ศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงที่ให้บรรยากาศเก่าๆ นอกจากร้านขายของที่ระลึกที่ทันสมัย เสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และร้านขนมหวานแล้ว ยังมีร้านอาหาร ลานเบียร์ โบสถ์สำหรับจัดพิธีแต่งงาน และบริการล่องเรือเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของอ่าวฮาโกดาเตะอีกด้วย
นำท่านสู่ ท่าเรือเมืองฮาโกดาเตะ หรือ ย่านเมืองเก่าโมโตมาชิ (Motomachi District) เป็นท่าเรือแรกที่เปิดให้มีการค้าระหว่างประเทศในปี 1854 ในช่วงสิ้นสุดยุคญี่ปุ่นแบ่งแยก ดังนั้นทำให้มีผู้ค้าจำนวนมากจากรัสเซีย จีน และประเทศตะวันตก ได้ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในเมืองฮาโกดาเตะบริเวณฐานภูเขาฮาโกดาเตะ ส่งผลให้ฮาโกดาเตะได้รับอิทพลต่างๆมาจาก ชาวตะวันตก โดย ปัจจุบันยังคงมีอาคารสไตล์ต่างประเทศคงเหลืออยู่ สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (3)
นำท่านสู่ หุบเขานรกจิโกกุดานิ (Jigokudani หรือ Hell Valley) เป็นหุบเขาที่งดงาม น้ำร้อนในลำธารของหุบเขาแห่งนี้มีแร่ธาตุกำมะถันซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึนั่นเอง เส้นทางตามหุบเขาสามารถเดินไต่ขึ้นเนินไปเรื่อยๆประมาณ 20 -30 นาทีจะพบกับบ่อโอยุนุมะ (Oyunuma) เป็นบ่อน้ำร้อนกำมะถัน อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ถัดไปเรื่อยๆก็จะเป็นบ่อเล็กๆ บางบ่อมีอุณหภูมิที่ร้อนกว่า และยังมีบ่อโคลนอีกด้วย น้ำที่ไหลออกจากบ่อโอยุนุมะ เป็นลำธารเรียกว่า โอยุนุมะกาว่า (Oyunumagawa) สามารถเพลิดเพลินไปกับการแช่เท้าพร้อมชมทิวทัศน์ที่งดงาม เดินทางสู่ ภูเขาไฟโชวะ ชินซัง
นำท่านเข้าชม สวนหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน (Showa-Shinzan Bear Park) เป็นสถานที่เพาะพันธุ์หมีสีน้ำตาล นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมลูกหมีสีน้ำตาลได้อย่างใกล้ชิดผ่านกระจกใส และมีหมีโตเต็มวัยที่ไม่ดุร้ายโชว์ลีลาอ้อนขออาหารจากนักท่องเที่ยว เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูทีเดียว หากใครต้องการใกล้ชิดกว่านี้ก็สามารถเข้าไปยังห้องสังเกตการณ์พิเศษ กรงมนุษย์ ซึ่งจะมองเห็นหมีสีน้ำตาลเดินผ่านไปมา และได้ยินเสียงและกลิ่นของหมีผ่านรูระบายอากาศเล็กๆ นอกจากนี้ยังยังขายขนมปัง และแอปเปิ้ล ให้นักท่องเที่ยวได้ป้อนอาหารหมีอีกด้วย เดินทางกลับสู่ เมืองซัปโปโร นำท่านเดินทางกลับ เมืองซัปโปโร (SAPPORO)
เย็น อิสระรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก SMILE SAPPORO PREMIUM HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
เมืองบิเอะ – บ่อน้ำสีฟ้า – หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่า - อุทยานแห่งชาติ ไดเซ็ตสึซัง - น้ำตกกิงกะ น้ำตกริวเซย์ - กระเช้าคุโรดาเกะ - อาซาฮิคาว่า - อิออนมอลบ์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (4)
นำท่านสู่ เมืองบิเอะ (Biei) เมืองเล็ก ๆ ล้อมรอบด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามของภูเขาและทุ่งนาอันกว้างใหญ่ เดินทางสู่ สระอะโออิเคะ (Aoiike) หรือ บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Bieigawa ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบิเอะ ตั้งชื่อตามสีของน้ำที่เกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาติ โดยเพิ่งเกิดขึ้นจากการกั้นเขื่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ โคลนภูเขาไฟ Tokachi ที่ปะทุขึ้นเมื่อปี 1988 ไหลเข้าสู่เมือง ไฮไลท์!!! ชมน้ำสีฟ้าที่สดใสเกินกว่าบ่อน้ำตามธรรมชาติทั่วไป และตอไม้สูงจำนวนมากที่สะท้อนให้เห็นความใสแปลกตาที่แสนพิเศษของน้ำในบ่อ ได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับสู่ เมืองอาซาฮิคาว่า
จากนำท่านสู่ หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่า (Ramen Village) ที่ราเมนของที่นี่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และได้รับการกล่าวขานถึงความอร่อยมายาวนานกว่าทศวรรษ หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่าได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1996 โดยรวบรวมร้านราเมนชื่อดังของเมืองอาซาฮิคาว่าทั้ง 8 ร้านมาอยู่รวมกันเป็นอาคารหลังคาเดียวไฮไลท์!!! หมู่บ้านราเมนที่รวบรวมร้านดังขั้นเทพไว้ในที่เดียว และยังมีห้องเล็กๆที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาขอหมู่บ้านแห่งนี้ให้สำหรับผู้ที่สนใจได้มาศึกษาอีกด้วย ทุกๆ ร้านจะสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้านตนเองขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า เช่น ร้าน Asahikawa Ramen Aoba ที่แสนภาคภูมิใจในความเป็นราเมนเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในอาซาฮิคาว่า หรือจะเป็นร้าน Ramen Shop Tenkin ที่เชื่อมั่นในน้ำซุปของตัวเองว่าเป็นหนึ่งไม่แพ้ใครที่สำคัญ ราเมง ถือเป็นอาหารเมนูยอดนิยมของคนญี่ปุ่น เพราะด้วยความที่กินง่ายและมีรสชาติที่หลากหลายจึงเป็นที่ถูกใจของคนญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
เที่ยง อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ณ หมู่บ้านราเมน
เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติ ไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) อุทยานที่มีใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตื่นตาตื่นใจกับฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ทั่วทั้งอุทยานจะเต็มไปด้วยสีสันของใบไม้ที่พากันเปลี่ยนสีอวดความสวยงามของธรรมชาติ (ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮฮกไกโด โดยปกติจะอยู่ในช่วงประมาณปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) ชม น้ำตกริวเซย์และน้ำตกกิงกะ (Ryusei & Ginga Waterfall) ให้ท่านได้สัมผัสความงามของน้ำตกแห่งนี้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณน้ำตกจะเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีน้ำตาล สลับกันไปมา โดย น้ำตกกิงกะ ถือเป็นตัวแทนของสตรีเพศ เพราะสายธารที่ไหลลงมานั้นสวยงาม อ่อนช้อย มีจังหวะจะโคน ประหนึ่งการแสดงของเกอิชาในชนชั้นสูง และ น้ำตกริวเซโนะทาคิ คือตัวแทนของบุรุษเพศ เด็ดเดี่ยว รุนแรง เที่ยงตรง แต่งดงาม ประหนึ่งสะเก็ดดาวตกจากคืนรัตติกาลอันมืดมิด
จากนั้นนำท่าน นำท่านขึ่น กระเช้าคุโรดาเกะ (Kurodake Ropeway) ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวขึ้นชมวิวบนภูเขาคุโรดาเกะ ตั้งอยู่บริเวณชุมชนออนเซ็นถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดที่หนึ่งของโซอุนเคียว ตัวกระเช้าเป็นกระเช้าขนาดใหญ่สามารถบรรทุกผู้โดยสารมากถึง 101 ที่นั่งและใช้เวลาประมาณ 7 นาทีถึงจุดชมวิว นอกจากนี้ ในฤดูหนาวด้านบนยังเป็นสกีรีสอร์ตสำหรับนักสกีและสโนวบอร์ดมาค้นหาความท้าทายด้านบน โดยมีวิวภูเขารอบด้านเป็นจุดเด่นของที่นี่ เดินทางกลับสู่ เมืองอาซาฮาว่า
เย็น อิสระรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง ณ อิออน มอลล์ (Aeon Mall) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของฮาซาฮิกาว่า อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึกกัน อาทิ ขนมโมจิ เบนโตะ ผลไม้ และขนมขึ้นชื่อของญี่ปุ่น อย่าง คิทแคท สามารถหาซื้อได้ที่นี่เช่นกัน
ที่พัก CRESCENT ASAHIKAWA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
เมืองโอตารุ - คลองโอตารุ – พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี – โรงเป่าแก้วคิตาอิชิ - ร้านกาแฟ ฮัลโหล คิตตี้ - ร้านสินค้ามือสอง – ร้านดิวตี้ฟรี - ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด – ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด - ถนนทานุกิโคจิ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (6)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโอตารุ (Otaru) โอตารุเป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับซัปโปโร และบางส่วนของเมืองตั้งอยู่บนที่ลาดต่ำของภูเขาเท็งงุ ซึ่งเป็นแหล่งสกีและกีฬาฤดูหนาวที่มีชื่อเสียง คลองโอตารุ (Otaru Canal) หรือ โอตารุอุนงะ มีความยาว 1.5 กิโลเมตร ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอตารุ โดยมีโกดังเก่าบริเวณโดยรอบปรับปรุงเป็นร้านอาหารเรียงรายอยู่ ไฮไลท์!!! บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกคลองแห่งนี้สร้างเมื่อปี 1923 โดยสร้างขึ้นจากการถมทะเล เพื่อใช้สำหรับเป็นเส้นทางการขนถ่ายสินค้ามาเก็บไว้ที่โกดัง แต่ภายหลังได้เลิกใช้และมีการถมคลองครึ่งหนึ่งเพื่อทำถนนหลวงสาย 17 แล้วเหลืออีครึ่งหนึ่งไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีการสร้างถนนเรียบคลองด้วยอิฐแดงเป็นทางเดินเท้ากว้างประมาณ 2 เมตร
นำท่านเดินชม พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Music box Museum) พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุเป็น!!!ไฮไลท์ หนึ่งในร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีในญี่ปุ่น โดยตัวอาคารมีความเก่าแก่สวยงาม และถือเป็นอีกหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เมือง ชม โรงเป่าแก้วคิตาอิจิ (Kitaichi Glass) ตั้งอยู่ในเมืองโอตารุ เมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการเป่าแก้วมายาวนาน โดยในอดีตนั้นจุดประสงค์ของการเป่าแก้วเพื่อใช้เป็นทุ่นให้เรือ แต่ปัจจุบันนี้เป้าหมายของการเป่าแก้วเพื่อใช้เป็นของใช้หรือของที่ระลึกแทน ซึ่งโรงเป่าแก้วคิตาอิชิเป็นโรงงานที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดของเมือง โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1901 ท่ามกลางโรงเป่าแก้วที่มีอยู่มากมาย และผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโรงงานแห่งนี้ก็คือโคมไฟแก้วและลูกบอลแก้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีสอนวิธีการเป่าแก้วให้กับนักท่องเที่ยวด้วย เดินทางสู่ ร้านกาแฟ ฮัลโหล คิตตี้ (Hello Kitty Café)เพลิดเพลินกับบรรยากาศน่ารักๆ ของตัวการ์ตูนแมวชื่อดัง คิตตี้ ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าและถ่ายรูปตามอัธยาศัย นำท่านช้อปปิ้ง ณ ร้านสินค้ามือสอง (Monococo) ภายในร้านจะมีจำหน่ายสินค้าสภาพดี อาทิ กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้าน เครื่องจามชาม ชุดกาแฟ ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (7) พิเศษเมนู ชาบู บุฟเฟต์+ขาปู
อิสระช้อปปิ้ง ดิวตี้ฟรี (Duty Free) ให้ท่านเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษี ทั้ง เสื้อผ้า น้ำหอม ต่างๆ ตามอัธยาศัย อัธยาศัย นำท่านสู่ ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office) เป็นอาคารสีแดงอิฐ สร้างในปี 1888 นับเป็นอาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในไม่กี่อาคารของญี่ปุ่นในสมัยนั้น ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ด้านหน้ามีสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก ธงรูปดาวเจ็ดแฉก และสวนหย่อมที่ร่มรื่น เรียงรายด้วยต้นซากุระ และต้นแปะก๊วย อาคารแห่งนี้เคยเป็นที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นสมัยบุกเบิกเกาะฮอกไกโด ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนเข้าชมห้องทำงานต่างๆ และหอสมุดเก็บบันทึกทางราชการ ผ่านชม หอนาฬิกาโบราณ (Sapporo Clock Tower) ตัวอาคารและหอนาฬิกาสร้างขึ้นจากไม้ ออกแบบและบริจาคให้โดยรัฐบาลสหรัฐ ในปี 1878 สิบปีหลังจากที่มีการสร้างเมืองซับโปโร ตัวนาฬิกาถูกติดตั้งในปี 1881 จากบริษัท E. Howard & Co. เมือง Boston
จากนั้นอิสระช้อปปิ้ง ถนนทานุกิโคจิ (Tanukikoji) เป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองซัปโปโร โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 7 บล็อก ภายในนอกจากจากจะเป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ อย่างร้านขายกิโมโน เครื่องดนตรี วิดีโอ โรงภาพยนตร์แล้ว ยังมีร้านอาหารมากมาย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมของเหล่าวัยรุ่นด้วย เนื่องจากมีเกมเซ็นเตอร์ และตู้หนีบตุ๊กตามากมาย ร้อนดองกี ร้าน 100 เยน นอกจากนั้นที่นี่ยังมีการตกแต่งบนหลังคาด้วยตุ๊กตาทานุกิขนาดใหญ่
เย็น อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย ณ ทานุกิโคจิ
ที่พัก SMILE SAPPORO PREMIUM HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
สนามบินชิโตเซ่ – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (8)
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบิน
10:30 น. เหินฟ้าสู่ เมืองไทย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG671
15:30 น. เดินทางถึงเมืองไทย พร้อมกับความประทับใจเต็มเปี่ยม
อัตราค่าบริการรวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับตามรายการที่ระบุ รวมถึงค่าภาษีสนามบิน และค่าภาษีน้ำมัน
- ค่ารถโค้ชปรับอากาศ
- โรงแรมที่พักตามที่ระบุ หรือเทียบเท่า (พัก 2-3 ท่าน/ห้อง)
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ
- ค่าอาหาร ตามรายการที่ระบุ
- ค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุในการเดินทางท่องเที่ยว วงประกันท่านละ 1,000,000 บาท (เงื่อนไขตามกรรมธรรม์)
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้เดินทาง อาทิ ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ค่าซักรีด ค่ามินิบาร์ในห้องและค่าพาหนะต่างๆ ที่มิได้ระบุในรายการ
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น กรณีประกาศให้กลับมายื่นร้องขอวีซ่าอีกครั้ง (เนื่องจากทางญี่ปุ่นได้ประกาศยกเว้นการยื่นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทยสำหรับผู้ที่ประสงค์พำนักระยะสั้นในประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน)
- หากในภายหลังทางรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้ยื่นวีซ่าตามเดิม ผู้เดินทางจะต้องจ่ายเพิ่ม 2,000 บาท สำหรับการยื่นร้องขอวีซ่า
- ค่าธรรมเนียมในกรณีที่กระเป๋าสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่สายการบินนั้นๆกำหนดหรือสัมภาระใหญ่เกินขนาดมาตรฐาน
- ค่าภาษีน้ำมัน ที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่ม ภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว
- ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่น และหัวหน้าทัวร์อำนวยความสะดวก ตลอดการเดินทาง
- ค่าทิปมัคคุเทศก์, คนขับรถ, 1,500 บาท/ท่าน/ทริป, ค่าทิปหัวหน้าทัวร์แล้วแต่ความพึงพอใจของท่าน
เดินทางขึ้นต่ำ 30 ท่าน หากต่ำกว่ากำหนด กรุ๊ปจะไม่สามารถเดินทางได้ หากผู้เดินทางทุกท่านยินดีที่จะชำระค่าบริการเพิ่มเพื่อให้คณะเดินทางได้ ทางเรายินดีที่จะประสานงานในการเดินทางตามประสงค์ให้ท่านต่อไป ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดออกเดินทางและเลื่อนการเดินทางไปในวันอื่นต่อไป โดยทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า