มองโกเลีย ไซบีเรีย 8 วัน 7 คืน มองโกเลีย ไซบีเรีย 8 วัน 7 คืน มองโกเลีย ไซบีเรีย 8 วัน 7 คืน มองโกเลีย ไซบีเรีย 8 วัน 7 คืน

มองโกเลีย ไซบีเรีย 8 วัน 7 คืน

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) – กรุงอูลาบาเตอร์ (สนามบินเจงกิสข่าน)

20.00 น.   คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารชั้น 4 ประตูหมายเลข 8 เคาน์เตอร์ Q โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ รอให้การต้อนรับ พร้อมแจกเอกสารในการเดินทาง และอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน

22.55 น.   ออกเดินทางสู่ สนามบินเจงกิสข่าน อินเตอร์เนชั่นแนล (ULN) กรุงอูลาบาเตอร์ ประเทศมองโกเลีย โดยสายการบิน มองโกเลียแอร์ไลน์ (OM) (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง, น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)

วันที่ 2

กรุงอูลาบาเตอร์ – อนุสาวรีย์เจงกิสข่าน - อุทยานแห่งชาติ GORKHI-TERELJ – นั่งสุนัขลากเลื่อน - หินรูปเต่าขนาดยักษ์ - ทดลองสวมใส่ชุดประจำชาติชาวมองโกเลีย

06.05 น.   ถึงสนามบินเจงกิสข่าน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงอูลาบาเตอร์ ประเทศมองโกเลีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร (เวลาที่ประเทศมองโกเลียเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ทางบริษัทแนะนำให้ลูกค้าทำการปรับนาฬิกาทันทีที่ไปถึงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเวลานัดหมาย) ตัวแทนบริษัทให้การต้อนรับคณะที่ทางออกสนามบิน และ แจกซิมการ์ดสำหรับใช้อินเตอร์เน็ตให้กับทุกท่านระหว่างอยู่ในประเทศมองโกเลีย จากนั้นนำคณะเดินทางสู่โรงแรม เพื่อทานอาหารเช้า

อุณหภูมิเฉลี่ยประเทศมองโกเลียในช่วงฤดูหนาว (อ้างอิงจาก : https://m.accuweather.com )

พฤศจิกายน  อุณหภูมิเฉลี่ย   สูงสุด 5’ C    ต่ำสุด (-10)’C
ธันวาคม  อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด (-10)’ C   ต่ำสุด (-20)’C
มกราคม  อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด (-15)’ C   ต่ำสุด (-25)’C
กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด (-10)’ C  ต่ำสุด (-20)’C
มีนาคม  อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด 5’ C    ต่ำสุด (-10)’C

07.00 น.  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะเดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติโกรขิ-เตเรลจ์Gorkhi-Terelj National Park ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือระยะทาง 66 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ระหว่างทางนำคณะชม อนุสาวรีย์เจงกิสข่าน “Genghis Khan Statue Complex” อนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดของท่าน เจงกิสข่าน มหาบุรุษผู้ครองโลกไปแล้วเกินครึ่ง ในปี ค.ศ. 2008 ทางการมองโกเลียได้สร้างอนุสาวรีย์เจงกิสข่าน เพื่อรำลึกถึงความเกรียงไกรในอดีตของชนชาติมองโกล บริเวณที่ตั้งอนุเสาวรีย์มีตำนานเล่าว่า อดีตข่านผู้ยิ่งใหญ่ได้พบแส้ม้าทองคำ ณ บริเวณนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมชนเผ่าเร่ร่อน ขึ้นมาเป็นกองทัพอันเกรียงไกร อนุสาวรีย์แห่งนี้มีความสูงประมาณ 40 เมตร น้ำหนักกว่า 250 ตัน ซึ่งตัวรูปปั้นสร้างมาจากสเตนเลสที่สะท้อนแสงแสบตาสว่างสุกใส ใต้ฐานของอนุสาวรีย์เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ และร้านขายของที่ระลึก และมีลิฟต์ให้ท่านขึ้นไปยังบริเวณด้านบนหัวของม้า (ประมาณอกท่านเจงกิสข่าน) ซึ่งเป็นจุดให้ท่านชมวิวไกลสุดลูกหูลูกตา

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เขตอุทยานแห่งชาติโกรขิ เตเรลจ์ Gorkhi-Terelj National Park นำท่านชมทัศนียภาพอันงดงามของอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศมองโกเลีย ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และเป็นป่าสงวน พื้นที่ทั้งหมด 1ล้าน 2แสนเอเคอร์ ลักษณะพื้นที่คล้ายคลึงกับเทือกเขาแอลป์ มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดและ มีหินที่มีรูปร่างแปลกตา เช่น เทอร์เทิลร็อค Turtle Rock หรือเมลขิขาด หินเต่าขนาดใหญ่เป็นเสมือนแลนด์มาร์กของอุทยานที่ทุกคนต้องมาเยือนและถ่ายรูป โดยชาวมองโกเลียเชื่อว่าเต่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์นำโชค

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่แคมป์ เพื่อทำการเช็คอิน

กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก

จากนั้นให้ท่านได้สนุกสนานกับ กิจกรรมสุนัขลากเลื่อน (MONGOL DOG SLEDDING) ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร สลับกันนั่ง 2 ท่านต่อ 1 เลื่อน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเหล่าสุนัขแสนน่ารักจะพาท่านลัดเลาะเที่ยวชมธรรมชาติ ริมแม่น้ำ เพื่อให้ท่าน  สัมผัสประสบการณ์สุดแสนพิเศษ พร้อมสัมผัสความงามของป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะ  และความตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

นำคณะชม หินรูปเต่าขนาดยักษ์ (TURTLE ROCK) ที่เกิดขึ้นโดย ธรรมชาติ ซึ่งไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูเหมือนเต่า ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ทางเข้าอุทยานแห่งชาติ ให้ท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

ค่ำ    บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารแคมป์ที่พัก (GER CAMP)

หลังรับประทานอาหารให้ท่านได้มีโอกาส ทดลองสวมใส่ชุดประจำชาติชาวมองโกเลีย พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และทดลองเล่นเกมส์พื้นบ้านของชาวมองโกเลีย

ที่พัก TEREJI STAR RESORT หรือเทียบเท่า

(ที่พักแบบกระโจม หรือเกอร์ (GER) สไตล์มองโกเลีย, ภายในที่พักมีเตียงและผ้าห่มหนานุ่ม และพื้นเป็นแบบ มีฮีทเตอร์ไฟฟ้าให้ความร้อนในตัว ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมแบบทันสมัย แยกชาย หญิง สามารถล้างหน้า แปรงฟัน และทำธุระหนักเบาได้ และมีห้องอาบน้ำได้)

วันที่ 3

ทดลองขี่ม้าทากิ - อนุสาวรีย์ไซซาน – พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมองโกเลีย จัตุรัสซุคบาตอร์ - GOBI Factory Outlet

เช้า    บริการอาหารกลางเช้า ณ ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก

นำท่านสัมผัสประสบการณ์ ทดลองขี่ม้าทากิ ชมและสัมผัสความงามของอุทยานและวิวธรรมชาติที่สวยงาม ชาวมองโกลมีความผูกพันกับม้าตั้งแต่เด็ก จนมีคำกล่าวว่าขานกันว่าเด็กชาวมองโกลขี่ม้าได้พร้อมกับหัดเดิน ม้าสายพันธ์พื้นเมืองของมองโกลเลีย หรือม้าสายพันธ์ทากินี้ เป็นม้าที่มีลักษณะตัวเล็ก เตี้ย ไม่สูงใหญ่ เป็นม้าประเภทเดียวหรือตระกูล เดียวกับม้าโพนี่ Pony sหรือม้าแคระ เนื่องจากเป็นม้าเตี้ยทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ เวลาม้าวิ่งม้าจึงไม่กระโดกกระแดก เหมือนม้าขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การเล็งและการยิง ธนู ของนักรบมองโกลบนหลังม้าเป็นไปอย่างแม่นยำ

จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ กรุงอูลานบาเตอร์ “ULAANBAATAR” เมืองหลวงของประเทศมองโกเลีย มีชื่อเรียกต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ ระหว่าง ค.ศ.1639 – ค.ศ.1706 มีชื่อว่า อูร์กา (URGA)  และระหว่าง ค.ศ.1706 – ค.ศ.1911 มีชื่อว่า คูเร KHUREE ในภายหลังเรียกว่า อิค คูเร (IKH KHUREE) และมีชื่อจีนว่า K'ULUN เมื่อได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1911 ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเป็น นีสเล็ล คูเร (NIISLE KHUREE) จนกระทั่งเมื่อ ค.ศ. 1924  ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ULAANBAATAR (วีรบุรุษแดง) เพื่อเป็นเกียรติแก่วีรบุรุษของมองโกเลีย แดมดิน ชุคบาตาร์ (DAMDIN SUHNAATAR) ผู้ชักนำกองทัพของสหภาพ  โซเวียตเข้ามาเพื่อปลดปล่อยมองโกเลียจากการยึดครองของจีน โดยปัจจุบันมีการสร้างรูปปั้นเพื่อรำลึก ณ บริเวณจัตุรัสกลางของกรุงอูลาน  บาตาร์

นำท่านชม อนุสาวรีย์ไซซาน (ZAISAN) อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่บนยอดเขาทางตอนใต้ของอูลานบาตอร์ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของทหารโซเวียต ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อนุสาวรีย์ทรงกลมวงแหวนประดับภาพเขียนสี แสดงเรื่องราวความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหภาพโซเวียตและมองโกเลีย เช่น ภาพของ โซเวียตให้การสนับสนุนการประกาศเอกราช (จากจีน) ของมองโกเลีย ในปี ค.ศ. 1921 และการเข้ามาช่วยรบกับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1939

กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร YULONG (อาหารจีน)

หลังรับประทานอาหารมือกลางวัน นำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พักให้ท่านอาบน้ำเปลี่ยนชุด และผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า

จานนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมองโกเลีย “NATIONAL MUSEUM”  เดิมชื่อพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แห่งประเทศมองโกเลียตั้งอยู่ในอูลานบาตาร์ พิพิธภัณฑ์นี้เป็นองค์กรทางวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ และการศึกษาซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวมการอนุรักษ์ และตีความวัตถุภายใต้การควบคุมของพิพิธภัณฑ์ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2467 และกลายเป็นพื้นฐานสำหรับพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ รวมทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของมองโกเลีย

ชม จัตุรัสซัคบาทาร์ “SUKHBAATAR SQUARE” ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองอูลานบาตอร์ เมื่อมีงานพาเหรดขององค์กรต่างๆ มักจะมาจัดขึ้นบริเวณนี้ ถือเป็น  หัวใจที่สำคัญของเมืองนี้เลยทีเดียว ซึ่งมีรูปปั้นของ แดมดิน ชุคบาตาร์ DAMDIN SUHNAATAR) ผู้นำการปฏิวัติในปี ค.ศ. 1921 ตั้งอย่างสง่างามอยู่กลางจัตุรัส โดยมีรูปปั้นของเจงกิสข่านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ด้านหลังของรูปปั้นซัคบาทาร์เป็นอาคารรัฐสภาที่โอ่อ่าสวยงาม ส่วนทางด้านตะวันตกเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ

นำท่านชมช็อปปิ้งของฝากที่ “GOBI Factory Outlet ” เป็น Outlet ขายเสื้อผ้าขนสัตว์ แบรนด์ GOBI ที่ทำส่งออกมาตราฐานยุโรป อเมริกา ให้ท่านได้เลือกซื้อเสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ที่มีชื่อเสียงของมองโกเลีย และมีคุณภาพสูงสุดอันดับต้น ๆ ของโลก มีความเป็นเลิศมานานกว่า 30 ปี หรือเลือกซื้อของชำร่วยที่ระลึก ณ ร้านค้าบริเวณใกล้เคียง

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ  ณ THE BULL SHABU SHABU (เมนูชาบู สไตล์มองโกเลียน เสริฟพร้อมเนื้อวัว เนื้อแพะ และเนื้อไก่ พร้อมผักสด)

ที่พัก PREMIUM HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 4

วัดกานดาน -พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ - สถานีรถไฟเมืองอูลาบาเตอร์

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเข้าชม วัดกันดาน (GANDANTEGCHINLEN MONASTERY) หนึ่งในวัดพุทธเก่าแก่ที่มีความสำคัญ และถือเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธของชาวมองโกเลีย สร้างโดยท่านข่านโบกด์ ในช่วงราวปี ค.ศ.1835 เป็นวัดที่มีอาณาบริเวรกว้างขวาง มีกิจกรรมทางพุทธศาสนาหลายอย่างน่าสนใจ ปัจจุบันศาสนาพุทธในมองโกเลียเป็นแบบนิกายมหายาน หมวกเหลือง มีต้นกำเนิดมาจากทิเบต  เราจึงสามารถเห็นพระลามะเดินกันขวักไขว่ ที่วัดนี้มีพระจำพรรษาอยู่ราว 150 รูป ภายในวิหารใหญ่ยังมีพระพุทธรูปยืน (ในร่ม) สูงที่สุดในโลก เป็นพระพุทธ รูปของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ สูง 26.5 เมตร บูรณะสร้างขึ้นในปีค.ศ.1996 (ท่านสามารถถ่ายรูปภาพบรรยากาศของวัดได้  ยกเว้นหากต้องการถ่ายรูปภาพภายในอาคาร หรือภายใต้หลังคาวิหารจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 30 USD)

จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ชมโครงกระดูกไดโนเสาร์ หลากหลายสายพันธุ์ที่เคยท่องทะเลทรายโกบี รวมทั้งฟอสซิลและไข่ที่ได้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1920 โดย นักสำรวจชาวอเมริกัน Roy Chapman Andrews นำท่านชม ฟอสซิลไดโนเสาร์ Tarbosaurus bataar สายพันธุ์กินเนื้อ ที่มีความสูง 4 เมตร น้ำหนัก 3 ตัน (เป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใกล้เคียงกับ Tyrannosaurus Rex หรือ T-Rex) และ ฟอสซิลไดโนเสาร์ขนาดเล็กสายพันธุ์ Saurolophus โดยมีกะโหลกศีรษะมีลักษณะโดดเด่นพิเศษ

กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร CAFÉ’ PARK (บุปเฟ่ต์นานาชาติ โรงแรมแชงกรีล่า)

เมื่อได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟเมืองอูลาบาเตอร์

15.22 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองเอียร์คุต (Irkutsk) ประเทศรัสเซีย โดยขบวนรถไฟสาย “ทรานส์-มองโกเลียน Trans-Mongolian ขบวน #305 ” โดยระหว่างทาง ขบวนรถจะหยุดจอดที่เมืองอูรัน อูเด (Ulan Ude) เป็นเมืองหลวงของรัฐบูยาเตีย รัฐในกำกับของสหพันธ์รัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับทางรถไฟสาย “ทรานส์-ไซบีเรียน Trans-Siberian” ที่วิ่งออกจากเมืองวลาดิวอสตอก เมืองท่าตะวันออกสุดของประเทศรัสเซียมุ่งสู่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทางทิศตะวันตกสุดริมทะเลบอลติก เส้นทางรถไฟสายทรานส์มองโกเลียนนั้นได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1949-1961 และได้ใช้เป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อระหว่างจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย และเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของทรานส์-ไซบีเรียน ที่เชื่อมเข้ากับการท่องเที่ยวของมองโกเลียและจีน โดยทางรถไฟสายทรานส์-มองโกเลีย นี้จะเป็นแบบรางเดี่ยวที่จะใช้สำหรับทั้งการเดินทางขาไปและการเดินทางขากลับ

ค่ำ    บริการอาหารค่ำ แบบชุดเบนโต๊ะ บนขบวนรถไฟ

พักที่ พักผ่อนตู้นอน บนรถไฟ (สำหรับ 2 ท่าน ต่อ 1 ห้อง )

หมายเหตุ : หลังรับประทานอาหารค่ำ แนะนำให้ลูกค้าทุกท่าน เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย รถไฟจะถึง ชายแดน มองโกเลีย - รัสเซีย เวลาประมาณ 21.30 น. และจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ในการตรวจเอกสาร เพื่อข้ามแดน ระหว่างตรวจเอกสารทุกท่านจะต้องรออยู่ที่ห้อง ไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้

ข้อมูลที่ควรทราบสำหรับผู้โดยสารรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียบนขบวนรถไฟจะเปิด HEATER ในโบกี้ และตู้นอนของผู้โดยสารเฉพาะในฤดูหนาว ห้องผู้โดยสารถูกออกแบบให้เป็นห้องๆ ที่สามารถนอนค้างแรมบนรถไฟได้ โดยห้องโดยสารจะถูกแบ่งออกเป็นแบบ ตู้นอนมี 2 เตียงนอน  และแบบตู้นอนมี 4 เตียงนอน โดยแบ่งเป็น 2 เตียงบนและเตียงล่าง 2 เตียง เตียงนอนชั้นล่างสามารถปรับเป็นเบาะนั่งได้ในช่วงกลางวัน ทั้งนี้หากลูกค้าต้องการพักน้อยกว่าจำนวนเตียงที่มีต่อตู้ จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของเตียงที่ว่างด้วย ภายในตู้นอนมีพื้นที่เก็บสัมภาระทั้งบนหิ้ง และใต้ที่นอนมีประตูปิดล๊อคห้องจากด้านในเพื่อให้ผู้โดยสารนอนหลับได้ อย่างปลอดภัย อีกทั้งมีโต๊ะที่พับเก็บได้ภายในห้อง มีตู้เสบียงบริการอาหารบนขบวนรถไฟ (เฉพาะขบวนที่วิ่งทางไกล ในรัสเซีย) ห้องน้ำบนรถไฟเป็นแบบห้องน้ำรวมสามารถใช้ได้ทุกโบกี้ (ล้างหน้าแปรงฟันได้  แต่ไม่แนะนำสำหรับอาบน้ำ) รถไฟจะจอดตามสถานีต่างๆ หากลูกทัวร์ต้องการไปเดินเล่นยืดเส้นสายหรือเลือกซื้อสินค้า ควรสอบถามระยะเวลาในการจอดให้แน่นอนก่อน เพื่อจะได้คำนวณเวลาได้ถูกต้อง 

วันที่ 5

อูรัน อูเด - เอียร์คุตส์ – โบสถ์อันนันซิเอชั่น - ช้อปปิ้งที่ Central Market และย่าน 130 quarter

06.33 น.  เดินทางถึง เมืองอูรัน อูเด เมืองหลวงของเขตปกครอง “Buryat Autonomous Republic” of the Russian Federation เมืองนี้มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่มากมาย โดยวัฒนธรรมจะผสมผสานระหว่างชาวมองโกล ไซบีเรีย และรัสเซีย อาจมีเวลาให้ท่านได้ลงมายืดเส้นยืดสายที่สถานีนี้ ก่อนเดินทางต่อไปยังเมืองเอียร์คุตส์

เช้า    บริการอาหารกลางเช้า ณ แบบชุดเบนโต๊ะ บนขบวนรถไฟ

ช่วงระยะเส้นทางจาก อูรัน อูเด สู่เอียร์ตคุต เป็นเส้นทางที่ให้ท่านได้ชื่นชมกับธรรมชาติ พร้อมดูวิวของทะเลสาปไบคาลที่มีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงฤดูกาลอันยากจะหาที่ใดเหมือน

14.20 น.   ถึง เมืองเอียร์คุตส์ ตัวแทนบริษัทให้การต้อนรับคณะที่ทางออก พบกับไกด์ท้องถิ่น (ภาษาอังกฤษ) ที่จะมาดูแลคณะตลอดการเดินทางในรัสเซีย

กลางวัน    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังรับประทานอาหารมือกลางวัน นำท่านเช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พักให้ท่านอาบน้ำเปลี่ยนชุด และผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า

อุณหภูมิเฉลี่ยเมืองเอียร์คุตส์ ประเทศรัสเซีย ในช่วงฤดูหนาว (อ้างอิงจาก : https://m.accuweather.com )

พฤศจิกายน   อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด 5’ C    ต่ำสุด (-20)’C
ธันวาคม    อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด (-8)’ C  ต่ำสุด (-25)’C
มกราคม    อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด (-10)’ C  ต่ำสุด (-25)’C
กุมภาพันธ์  อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด (-15)’ C ต่ำสุด (-35)’C
มีนาคม      อุณหภูมิเฉลี่ย    สูงสุด 5’ C    ต่ำสุด (-10)’C

จากนั้นนำท่านชม เมืองเอียร์คุตส์ ชม โบสถ์อันนันซิเอชั่น Annunciation Cathedral มหาวิหารตั้งอยู่ใจกลางเมืองเอียร์คุตสก์ และมีโบสถ์เล็กๆ อีกสองสามแห่งที่อยู่ใกล้กัน โบสถ์สปา

ชมโบสถ์ สพาสกาย่า Spasskaya Church, มหาวิหารเอพิพานี Epiphany Cathedral และ โบสถ์โรมันคาทอลิคโปแลนด์ Polish Roman Catholic Church โบสถ์ของนักโทษการเมืองชาวโปแลนด์ที่ถูกเนรเทศ ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์

อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกที่ ตลาดกลาง สัมผัสชีวิตประจำวันของชาวเอียร์คุตสก์ ให้ท่านชมและเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก จากนั้นช้อปปิ้งที่ ย่าน 130 quarter ย่านนี้นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้สำหรับผู้มาเยือนเมืองนี้ บริเวณนี้เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร บาร์ ร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่ทันสมัย โดยสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดนี้สร้างด้วยไม้ และตกแต่งอย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะของแคว้นไซบีเรีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการสร้างบ้านด้วยไม้ ย่านนี้จึงกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งช๊อป และชิมเลยทีเดียว

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร ของโรงแรม MARRIOTT HOTEL

พักที่ MARRIOTT HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 6

เอียร์คุตส์ – ลิสท์เวียงก้า – ล่องเรือชมทะเลสาบไบคาล - พิพิธภัณฑ์สัตววิทยา

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองลิสท์เวียงก้า (Listvyanka) ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร เมืองเล็กๆ  ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบไบคาล ที่เป็นปากแม่น้ำแองคาร่า(Angara River) แม่น้ำเพียงสายเดียวที่เป็นที่ระบายออกของทะเลสาบไบคาลนำท่านเดินชมหมู่บ้าน ผ่านโบสถ์ St. Nicolas เป็นโบสถ์ไม้สไตล์ออเทอด๊อกซ์ สร้างด้วยไม้เกือบทั้งหลัง

นำท่าน นั่งเรือชมความงามของทะเลสาบไบคาล Baikal lake ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นของที่นี่ ตลอดเส้นทางท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์สองข้างทางที่ประดับไปด้วยต้นไม้และภูเขาป่าไม้ เมื่อถึงจุดที่งดงามเรือจะจอดให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจ นับได้ว่าเป็นภาพที่สวยงามยากอธิบาย องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นน้ำแข็งสีฟ้า หรือ Blue Ice ในช่วงฤดูหนาว น้ำที่ใสมากและคุณภาพของแร่ธาตุในน้ำ (ทะเลสาบไบคาลเป็นทะเลสาบที่มีน้ำใสเป็นอันดับต้นๆของโลก มีประวัติยาวนานกว่า 25ล้านปี ในปี 1996 ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดย (UNESSCO )

กลางวัน    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร LEGEND OF BIKAL

ชม พิพิธภัณฑ์สัตววิทยา แห่งไบคาล สถานที่เก็บรวบรวมตัวอย่างและศึกษาความหลากหลาย  ของระบบนิเวศวิทยาทั้งหมดของทะเลสาบไบคาล ซึ่งมีการจัดแสดงซากสัตว์และพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น แมวน้ำไบคาล ซึ่งเป็นแมวน้ำที่ปรับสภาพให้เข้ากับน้ำจืดของทะเลสาบไบคาล ปลาโอมูล ปลาประจำถิ่นมีเฉพาะทะเลสาบแห่งนี้เท่านั้น ทะเลสาบไบคาล (Baikal Lake) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของไซบีเรีย ประเทศรัสเซียเป้นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกถึง 1,640 เมตร ทะเลสาบไบคาลเกิดจากการที่น้ำเอ่อล้นเข้ามาจนเต็มรอยเปลือกโลกที่แตกเมื่อประมาณ 25 ล้านปีก่อน มีความยาวประมาณ 650 กิโลเมตร กว้างเฉลี่ย 50 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 23,000 ตารางกิโลเมตร และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต้องไปเยือน!! ปริมาณน้ำในทะเลสาบนี้ คิดเป็น 25% ของปริมาณน้ำจืดที่มีอยู่ทั่วโลก และเป็นแหล่งน้ำที่สะอาดและสามารถใช้บริโภคได้ ทะเลสาบแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่หลังหุบเขาจึงไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก จนในปี ค.ศ. 1902 ทางการได้สร้างรถไฟสายทรานไซบีเรียรอบทะเลสาบ นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังสามารถพบสัตว์หายากที่ไม่ค่อยได้พบที่ใดในโลกกว่า 200 ชนิด จึงได้รับการขนานนามว่า กาลาปากอสแห่งรัสเซีย(Galapagos of Russia) จากนั้นนำท่านเข้าเช็คอิน 

ค่ำ    บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

พักที่ ANATASIA HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 7

นั่งกระเช้าไฟฟ้าชมวิว – ตลาดพื้นเมืองลิสต์วิยันก้า

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

จากนั้นนำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่จุดชมวิวบริเวณเนินเขาเชอร์สลี่ เพื่อชมความงดงามของเมืองเมืองลิสท์เวียงก้า และทะเลสาบไบคาล

กลางวัน    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านมายัง ตลาดลิสต์วิยันก้า Listvyanka Local Market ที่เติบโตมาจากตลาดสะพานปลาในชุมชนเล็ก ๆ ของชาวรัสเซียที่เข้ามาตั้งรกรากบริเวณปากแม่น้ำอังการ่า สัมผัสปลาและสินค้าแปรรูปสัตว์น้ำที่ได้จากทะเลสาบ เช่น ปลาโอมูลรมควัน ปลาโอมูลแดดเดียว และสินค้าพื้นเมืองอีกมากมาย อิสระให้ท่านชื่นชมกับบรรยากาศของเมืองริมปากอ่าวของทะเลสาบใบข่าน และเลือกซื้อชองฝากของที่ระลึกให้ทางบ้าน

ค่ำ    บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่  ANASTASIA HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 8

ลิสท์เวียงก้า – สนามบินเอียคุตส์ – สุวรรณภูมิ

06:00 น.  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

06:30 น.  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน

08:00 น.  เดินทางถึงสนามบินเอียร์คุต เพื่อทำการเช็คอินไฟลท์กลับสู่กรุงเทพฯ

10.10 น. ออกเดินทางตรงสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน S7 เที่ยวบินที่ S6331(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง, นำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)

15.45 น.   เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

อัตราค่าบริการนี้รวม

  • ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดแบบเดินทางไปกลับพร้อมหมู่คณะ (ECONOMY CLASS) ในเส้นทาง กรุงเทพฯ – อูลาบาเตอร์ โดยสายการบิน MIAT มองโกเลียน แอร์ไลน์ และเส้นทาง เอียคุตส์ - กรุงเทพฯ โดยสายการบิน S7*ตั๋วเครื่องบินเมื่อออกตั๋วไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนชื่อ หรือขอเงินคืนค่าตั๋วได้ 
  • ค่าตั๋วรถไฟ แบบตู้นอน พักห้องละ 2 ท่าน จากสถานีรถไฟเมืองอูลาบาเตอร์ ถึงสถานีรถไปเมืองเอียรคุตส์  
  • ค่าที่พัก (ห้องละ 2-3 ท่าน) ตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า (ขอสงวนสิทธิ์ในการย้ายเมืองเข้าพัก ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าพักที่เมืองนั้นๆ ได้ เช่น ติดงานนิทรรศการ งานแสดงสินค้า งานประชุม เหตุสุดวิสัยต่างๆ ฯลฯ)
  • ค่ารถปรับอากาศ บริการนำเที่ยว และค่าเข้าชมสถานที่ ค่าธรรมเนียมตามที่ระบุในรายการ
  • ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ และแจกน้ำดื่มวันละ 1 ขวดต่อท่าน
  • ฟรี INTERNET SIM CARD สำหรับใช้อินเตอร์เน็ต
  • ค่าบริการกิจกรรมขี่ม้า และสุนัขลากเลื่อนตามที่ระบุในรายการ
  • หัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยว คอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง 
  • ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางวงเงิน 2,000,000 บาท, อุบัติเหตุ 500,000 บาท ( ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ )

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% กรณีต้องการใบเสร็จ (กรณีกรุ๊ปส่วนตัว)
  • ค่าธรรมเนียมจัดทำหนังสือเดินทาง, แจ้งเข้าแจ้งออกสำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางของไทย และ ค่าวีซ่าที่มีค่าธรรมเนียม
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่นค่าโทรศัพท์ ค่าบริการซักรีด, ค่ามินิบาร์, ค่าเครื่องดื่มเพิ่มเติมนอกเหนือรายการ, ค่าพนักงานยกกระเป๋า, ค่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากโปรแกรมระบุ ฯลฯ
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋า ขอเรียนให้ทราบว่าไม่มีบริการยกกระเป๋า ท่านผู้เดินทางทุกท่านจะต้องดูแลทรัพย์สินของท่านด้วยตนเอง
  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนดให้ 23 กิโลกรัมต่อหนึ่งท่าน (1 ชิ้น) 
  • ค่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากโปรแกรมระบุ ฯลฯ
  • ไม่รวมค่าธรรมเนียมถ่ายรูปภายในวัด และพระราชวัง (ลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่ม หากไม่มีความประสงค์จะถ่ายรูปภายใน)
  • ค่าทิปคนขับรถและไกด์ท้องถิ่น เพื่อเป็นสินน้ำใจ ตามธรรมเนียม ขั้นต่ำ 45 USD ต่อท่าน 
  • ค่าทิปสำหรับหัวหน้าทัวร์ไทยที่เดินทางดูแลคณะ เพื่อเป็นสินน้ำใจ ขั้นต่ำ 800 บาท ต่อท่าน

ราคา

THB 10,000,000

19 เมษายน 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more