มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน

มหัศจรรย์...ริเวียร่า ตุรกี 10 วัน 7 คืน

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพ • สนามบินสุวรรณภูมิ

22.00 น.    พร้อมกันที่ สนามบินสุววรณภูมิ ประตู 8 เคาท์เตอร์Q สายการบินกาตาร์ Qatar Airways (QR)โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

วันที่ 2

สนามบินฮาหมัด • สนามบินอิสตันบูล • เมืองอิสตันบูล • พระราชวังโดลมาบาห์เช่ • ช่องแคบบอสพอรัส

01.20 น.    ออกเดินทางสู่ประเทศกาตาร์ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮาโดยเที่ยวบินที่ QR837

05.25 น.    เดินทางถึงประเทศกาตาร์ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา***เพื่อเปลี่ยนเครื่อง***

07.40 น.    ออกเดินทาง สู่ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูลโดยเที่ยวบินที่ QR239

12.25 น.    เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก ประเทศตุรกี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)

ออกเดินสู่ เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีปคือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย)

ชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่(Dolmabahce Palace)ซึ่งสร้างเสร็จในสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตซึ่งทรงคลั่งไคลความเป็นยุโรปอย่างที่สุดทรงมีพระประสงค์จะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแห่งใหม่แทนพระราชวังทอปกาปิการอสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เช เน้นความหรูหราอลังการสะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เด่นชัด ด้านหน้าพระราชวังมีหอนาฬิกาใหญ่สไตล์บาร็อกตั้งตระหง่าน ขณะที่ตัวพระราชวังนั้นงดงามด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ลูกกรงบันไดยังตกแต่งด้วยแก้วเจียระไน ห้องโถงใหญ่ประดับด้วยโคมระย้าขนาดมหึมาหนักกว่า 4.5 ตัน อลังการงานสร้างจริงๆ

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก  Pullman Istanbul Airport Hotel & Convention Center หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวมาตรฐานตุรกี

วันที่ 3

บลูมอสก์ •อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน • ฮิปโปโดรม • ฮายาโซฟีอา • พระราชวังทอปกาปึ •สไปซ์มาเก็ต

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น  ชมสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล “บลูมอสก์” (Blue Mosque) สุเหร่าสีน้ำเงิน สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางสุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมี
หอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง 

ชม  อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน(Basilica Cistern)เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น

จากนั้น ชม จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด (Sultanahmed Complex)หรือที่มีชื่อเรียกมาแต่โบราณว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome)ซึ่งย่านแห่งนี้แต่เดิมเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์และใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬาขับรถม้า แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยจากอดีตที่มีแค่ลานและเสาโบราณอีก 3 ต้น คือ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวยาวขึ้นไปเป็นยอดแหลมส่วนเสาโบราณต้นที่ 2 เรียกกันทั่วไปว่า เสางู (Bronze Serpentine Column) เป็นเสาบรอนซ์ที่แกะลวดลายเป็นรูปงู 3 ตัวพันเกี่ยวกันไปมาได้รับการยอมรับว่าเป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเหลืออยู่ในอิสตันบูล และเสาต้นที่ 3 มีชื่อว่า เสาคอนสแตนติน (Column of Constantine) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1483 แต่เดิมเป็นเสาบรอนซ์ แต่ในช่วงสงครามครูเสดได้ถูกศัตรหลอมเอาบรอนซ์ออกไปจนเหลือเพียงแค่เสาปูนเท่านั้น

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านชม ฮายาโซฟีอา (Hagia Sophia)เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลา เกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม

บ่าย    ชมพระราชวังทอปกาปึ(Topkapi Palace)อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย 'จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต'(MEHMET THE CONQUEROR)ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน(พวกนอกศาสนา)มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอก
ข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน 'มาห์มุทที่ 3' ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่าน

จากนั้น ชอปปิ้ง ณ สไปซ์มาเก็ตเป็นตลาดที่มีอายุเก่าแก่ยาวนาน 
ถึง 350 กว่าปีสินค้าที่ขายอันดับหนึ่ง ได้แก่เครื่องเทศ ตามชื่อของตลาดสไปซ์ โดยแทบทุกร้านจะมีกระบะไม้วางเรียงกัน แต่ละกระบะจะบรรจุเครื่องเทศกลิ่นต่างๆ เช่นเครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อ ต้มน้ำซุป หรือ แม้แต่อบเชยหรือซีเนมอนที่ใช้ผสมกับเครื่องดื่มนอกจากเครื่องเทศแล้วยังมีสินค้าประเภทถั่ว ชาผลไม้ รวมไปถึงผลไม้อบแห้งน้ำผึ้งแท้ น้ำมันหอมระเหย ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก รวมถึงเตอกิชดีไลท์ ขนมหวานเตอร์กิชต้นตำรับแท้ๆ

ค่ำ    นำท่านรับประทานอาหารค่ำบนเรือสำราญ พิเศษ เครื่องดื่มบนเรือไม่อั้น พร้อมชมวิวบรรยากาศยามค่ำคืนของช่องแคบบอสพอรัส (Bosporus Strait) เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างตุรกีเธรซที่อยู่ในทวีปยุโรปกับคาบสมุทรอานาโตเลียในทวีปเอเชีย เป็นช่องแคบหนึ่งของตุรกีคู่กับช่องแคบดาร์ดะเนลส์ทางตอนใต้ที่เชื่อมกับทะเลอีเจียน ช่องแคบบอสฟอรัสทางตอนเหนือและช่องแคบดาร์ดาเนลส์ทางตอนใต้เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลมาร์มะราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่องแคบบอสฟอรัสยาวราว 30 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดกว้าง 3,700 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 700 เมตร ความลึกระหว่าง 36 ถึง 124 เมตร ฝั่งทะเลของช่องแคบเป็นเมืองอิสตันบูลที่มีประชากรหนาแน่นถึงราว 11 ล้านคน พิเศษ!! ชมการแสดงพื้นเมืองบนเรือ “โชว์ระบำหน้าท้อง” Belly Dance

ที่พัก  Pullman Istanbul Airport Hotel & Convention Center หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวมาตรฐานตุรกี

วันที่ 4

อิสตันบูล • เมืองชานักกาเล • เมืองโบราณทรอย • แวะถ่ายรูปกับม้าโทรจัน

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่ เมืองชานักกาเล(Canakkale)เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็น
เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทาง 
ประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi)หรือ เฮลเลสปอนต์ (Hellespont)มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับแหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนชานักกาเล อยู่ห่างจากกรุงอิสตันบูล เมืองหลวงของตุรกีด้วยการเดินทางทางรถยนต์ประมาณ 4 ชั่วโมง เคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอย ที่ปรากฏในสงครามกรุงทรอย ปัจจุบัน มีซากของกำแพงเมืองที่เป็นหินหนาปรากฏอยู่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  ชม เมืองโบราณ ทรอย(Troy)ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’(Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้’ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของ ‘กรุงทรอย’

ระหว่างทาง  แวะถ่ายรูป กับม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย (Trojan horse)เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร หลังอาหาร เดินทางสู่เมืองไอวาลิคใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง 

ที่พัก  HALIC PARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว ตามมาตรฐานระดับดาวตุรกี ที่เมืองไอวาลิค

วันที่ 5

คุชาดาสึ • เมืองโบราณเอฟฟิซุส•บ้านพระแม่มารี •โรงงานผลิตเสื้อหนัง•ปามุคคาเล

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  เดินทางสู่ เมืองคุชาดาสึ(Kusadasi) ชมเมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมาก

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร  นำท่านชมโรงงานผลิตเสื้อหนังที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริการครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลกบ้านพระแม่มารี (House of Vergin Mary)เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง

จากนั้น  ทำท่านเดินสู่ ปามมุคคาเล(Pamukkale)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก PAM THERMAL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมืองPAMUKKALAตามมาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 6

ปามุคคาเล • ปราสาทปุยฝ้าย • เมืองอันตัลยา

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

ปามุคคาเล แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็จะค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่า ปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่าง ๆ ทำให้ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่เมืองอันตัลยา Antalya หรือ (อัลทาลยา)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามยิ่งของตุรกี หรือ รีเวียร่าแห่งตุรกี มีทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ และยังเป็นเมืองติดชายหาดที่น่าพักตากอากาศอย่างยิ่ง โดยเมืองนี้มีประวัติศาสตร์การกำเนิดถึง 200 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 8 ของประเทศ แต่เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวแล้ว อันตัลยาจะถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของประเทศเลยทีเดียว เคยติดอันดับ 3 ของโลกในด้านปริมาณนักท่องเที่ยวมาแล้วด้วย

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก  Busaran Bussiness Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่เมือง Antalya ตามมาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 7

หอคอยฮิเดอร์ริค • ย่านเมืองเก่า • ประตูชัยเฮเดรียน • ล่องเรืออ่าวอันตัลยา • เมืองคัปปาโดเกีย

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร

จากนั้น  หอคอยฮิเดอร์ริค (Hıdırlık Tower) หอคอยที่เป็นอีกสัญลักษณ์ของเมือง มีความสูง 14 เมตร สร้างด้วยหินสีน้ำตาลอ่อน ทรงวงกลมเหมือนป้อมปราการ ปัจจุบันมีสภาพโทรมแต่ก็ยังมีความสวยงามและยังเป็นจุดชมวิวเมืองอันตัลยาได้อีกด้วยย่านเมืองเก่า (Kaleiçi)ประวัติศาสตร์ของอันตัลยาส่วนใหญ่ถูกรวบรวมไว้ในย่านเมืองเก่าแก่งนี้ โดยพื้นที่เกือบทั้งเมืองจะอยู่ภายในกำแพงเก่า ภายในเต็มไปด้วยความหลากหลายของสถาปัตยกรรม และมีสถานที่สำคัญหลายแห่งประตูชัยเฮเดรียน (Hadrian's Gate) ประตูชัยที่ถูกสร้างขึ้นในชื่อของจักรพรรดิเฮเดรียนแห่งโรมันที่มาเยือนเมืองในศตวรรษที่ 4 ประตูมีลักษณะเป็นซุ้มประตูแบบ 3 ซุ้มโค้ง และประดับด้วยเสาโรมันแบบโครินเธียสวยงาม 8 ต้น

เดินทางสู่  ท่าเรือโบราณ นำท่านล่องเรืออ่าวอันตัลยา Antalya Boat Trip รีเวียร่าแห่งตุรกี ตั้งอยู่ติดกับ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างที่ท่านได้ล่องเรือให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศเมืองที่สวยงาม บ้านและโรงแรมที่ลดหลั่นแต่ละชั้นสลับกับต้นไม้สวยงามบนหน้าผา ท่านจะได้ชมวิวของน้ำตกที่ไหลลงสู่ยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นทะเลระหว่างทวีป คั่นกลางทวีปยุโรปที่อยู่ทางเหนือ ทวีปแอฟริกาที่อยู่ทางใต้ และทวีปเอเชียที่อยู่ทางตะวันออก

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่  เมืองคัปปาโดเกีย(Cappadocia)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี”  ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา

จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก DOUBLETREE BY HILTON AVANOS COPPADOCIA หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวตามมาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 8

ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม•นครใต้ดินไคมัคลึ•ชมโรงงานผลิตพรมทอมือ • ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ • เมืองอาการ่า

05.00 น.    นำท่านเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียยามเช้า โดยการขึ้นบอลลูน โดยท่านจะเห็นวิวทั่วเมืองคัปปาโดเกีย โดยจะนั่งบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในรายการ ค่าบริการท่านละ 230 USD โดยประมาณ โดยสอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกทีในวันที่จะเดินทาง

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น  ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่
ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น นครใต้ดินไคมัคลึ (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli)เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท

หลังอาหาร  ชมโรงงานผลิต พรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุดต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke)พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลี ชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเคจากนั้น ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย

ออกเดินทางสู่ กรุงอังการา (Ankara)ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒  รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia  ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ ๔๕๐ กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในตุรกี

เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก BERA HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวกรุงอังการาตามมาตรฐานระดับดาวตุรกี

วันที่ 9

เมืองคัปปาโดเกีย •เมืองอังการา•สุสานอาตาเติร์ก•ท่าอากาศยานนานาชาติเอเซนโบก้า

เช้า    บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้น  นำท่านชม สุสานอาตาเติร์ก หรือ Memorial tombเป็นที่ฝังศพของ Mustafa Kemal Ataturk ผู้นำในสงครามประกาศอิสรภาพจากอาณาจักรออตโตมันและประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี

จากนั้น  ได้เวลาอันสมควร เดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเอเซนโบก้าเมืองอังการา

12.30 น.  ออกเดินทางสู่ประเทศกาตาร์ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา โดยเที่ยวบินที่ QR 314

16.30 น.  เดินทางถึงประเทศกาตาร์ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา***เพื่อเปลี่ยนเครื่อง***

17.15 น.    ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินกาตาร์ เที่ยวบินที่ QR826

วันที่ 10

กรุงเทพ

03.55+ น.    เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

อัตราค่าบริการรวม

  • ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด Economy Classไป-กลับพร้อมกรุ๊ป กรุงเทพฯ-โดฮา-อิสตันบูล-โดฮา-กรุงเทพฯ สายการบินQatarAirway(QR)
  • ภาษีน้ำมันและภาษีสนามบินทุกแห่ง
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 30 กก.กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry 7 กก.ต่อ 1 ใบ
  • ค่าที่พักโรงแรมตลอดการเดินทาง ระดับมาตรฐาน (พักห้องละ 2 ท่าน)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามรายการระบุ,น้ำดื่มบริการบนรถวันละ 1 ขวด/ท่าน
  • ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
  • ค่ารถโค้ชรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
  • ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวคนไทย
  • ประกันอุบัติเหตุวงเงิน1,000,000 บาท, ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 500,000 บาท

อัตราค่าบริการไม่รวม

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
  • ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  • ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด 30 กิโลกรัมต่อท่าน
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,พนักงานขับรถ,หัวหน้าทัวร์ตามระเบียบธรรมเนียม รวมทั้งทริป 90USD/ท่าน

ราคา

THB 10,000,000

26 เมษายน 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more