แบกเป้เที่ยว สวิสเซอร์แลนด์-อิตาลี ไปเองได้แบบสบายๆ
22 เมษายน 2557 | By Pookpuii
สวัสดีชาวบลอคทุกท่านครับ ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างเอ่ย สำหรับผม ผมเป็นคนที่ชื่นชอบการเดินทางในต่างแดน วันนี้จะมารีวิวทริปช่วงวันหยุดสงกรานต์ของผมให้ดูกัน ทริปนี้ผมไปเที่ยวสวิส-อิตาลีครับ 5 วัน ไปเองสบายๆ ตามแผนคือ "Zurich-Luzern-Bern-Interlaken-Jungfrau-Milan" ปกติผมเป็นคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องงาน การเดินทางในต่างแดนของผม ส่วนมากก็เลยจะเป็นการไปเที่ยวเองซะมากกว่า ไม่ชอบไปกับทัวร์เท่าไหร่ เอาล่ะ มาชมกันครับ
ก่อนอื่นคือการเตรียมตัว สิ่งจำเป็นที่ต้องมี
1. ทำswiss pass เป็นตั๋วที่สามารถใช้เดินทางทั้งทางรถไฟ,เรือ,รถราง,busโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารรายทาง (เหมือนบัตร บีทีเอส แบบรายสัปดาห์ รายเดือน ) จำนวนวันที่ใช้งานเราสามารถเลือกซื้อได้ ขึ้นกับระยะเวลาเดินทาง ที่ผมซื้อมาคือ5วัน พอถึงวันที่ต้องเปิดบัตรใช้ก็ไปที่ SBB ซึ่งเป็นบริษัทที่เดินรถในSwiss. เพื่อทำการ activated ticket office ( สามารถติดต่อซื้อได้จากบริษัท ABACUS, DITHAM หรือ RTS ออฟฟิสในไทยได้โดยตรงเลยครับ )
2.ควรโหลดApp สำหรับ รถไฟและขนส่งมวลชนใน Swiss SBB Application
3.ซื้อ Sim card สำหรับ smart phone ผมแนะนำของ Swiss com ราคาประมาณ20สวิสฟรังค์. Internet unlimited 2CHF ต่อวัน หาซื้อได้ตอนออกจากสนามบิน
4. ส่วนเรื่องที่พักจองผ่านเว็บไซด์เลยครับ www.zizzee.com เว็บนี้สะดวกดีครับรวมหลายๆเว็บ agency ให้เราได้เลือก
Day 1 : เมือง Zurich - ขอตัดมาที่โรงแรมเลยนะครับ ตอนขึ้นเครื่องก็นั่งยาวไม่มีอะไรมาก ที่ผมจองไว้คือ Marriott Zurich สภาพในห้องพักดี และวิวก็ดีมากด้วย ใกล้ Train Station Zurich HB. และถนน shopping ชื่อดัง Bahnhofstrasse ติดแม่น้ำ Limmat Marriott Zurich Marriott Zurich วิวจาก Marriott Zurich ที่แรกที่จะไปคือLake of Zurich ขึ้นรถรางโดยใช้ Swiss pass ลงที่สถานี Burkliplatz ลงเรือที่ท่านี้ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง Lake of Zurich Lake of Zurich Lake of Zurich Lake of Zurich ตึกบริเวณ Bahnhofstrasse เมือง Zurich และวิหาร Grossmunster Bahnhofstrasse Zurich Bahnhofstrasse Zurich Bahnhofstrasse Zurich วิหาร Grossmunster Day 2 : Zurich -Luzern (one day trip) - Lucern เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งในสวิส. ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 1ชม. แบบรถไฟด่วน IR. ข้างหน้าเป็นสถานี Zurich HB. อย่าลืมไป activate Swiss pass ที่ ticket office ก่อน. ขึ้นรถไฟด้วยนะครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม บรรยากาศระหว่างทางบนรถไฟมีทั้งสายน้ำและขุนเขาเมื่อถึง Luzern จะเห็นป้ายหน้าตาสถานีดู classic อนุรักษ์รูปแบบเดิมๆ Zurich -Luzer Zurich -Luzern สถานี Zurich HB. ภายในสถานี Zurich HB. สัญลักษณ์ เมือง Luzern คืดสะพานไม้ Chapel และหอคอย Wasserturm เนื่องจากมีเวลาน้อยจึงเลือกที่จะล่องทะเลสาบ Luzern ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะจากภูเขา ระหว่างรอเวลาล่องเรือก็เดิน shopping ที่เขตเมืองเก่า และริมแม่น้ำ2ฝั่งของสะพานไม้ เดินจากสถานีรถไฟ Lucern ตรงข้ามสะพานมาเรื่อยๆจนเจอ จัตุรัสนาฬิกา ทางซ้ายมือคือเขตเมืองเก่าที่ยังคงรักษารูปแบบอาคารสมัยก่อนไว้ได้ป็นอย่าง ดี สะพานไม้ Chapel เขตเมืองเก่า สัญลักษณ์ของจตุรัสนาฬิกาคือ ร้านนาฬิกา Bucherer และ Gulberin (ทัวร์ไทยชอบมาลง ที่นี่ ซึ่งจริงๆแล้ว นาฬิการ้านนี้แพงกว่าร้านอื่นๆในละแวกนี้) ร้านนาฬิกา Bucherer เขตเมืองเก่า เขตเมืองเก่า อีกร้านดัง ร้านขายแซนวิสและขนมปังช็อคโกแลตชื่อดัง Bachmann (แนะนำซื้อchocolate ที่นี่) เลยวางแผนมื้ิอกลางวัน ซื้อไปทานบนเรือ และ ชมวิวล่องทะเลสาบ Luzern ร้าน Bachmann ร้าน Bachmann และแล้วก็ได้เวลาล่องเรือ ล่องทะเลสาบ Luzern ล่องทะเลสาบ Luzern หลังจากกลับจากล่องเรือ ก็มาหาทานมื้อค่ำครับ สำหรับร้านอาหารมื้อค่ำ ผมก็หาจากในแอพลิเคชั่นร้านอาหารได้ร้านแนะนำร้านนี้เลย Stern Restaurant รสชาติเยี่ยม ติดอันดับ1-5ยอดนิยมใน Luzern อีกด้วย มาดูหน้าตาของอาหารกันครับ Stern restaurant Stern restaurant Stern Restaurant Stern Restaurant Stern Restaurant Stern Restaurant ขอบอกว่าอาหารรสชาติดีมากทุกอย่าง ถูกใจมากเลยครับ แต่ถ้าจะมาควรโทรจองก่อนไว้เนิ่นๆ เพราะคนเยอะ โต๊ะจะเต็ม อย่างผมวันนี้ไม่ได้วางแผนไว้ ก็เลยได้นั่งทานด้านนอก ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบเหมือนกัน หลังจากทานเสร็จก็นั่งรถไฟกลับไปที่ Zurich พักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางวันต่อไปครับ Day3 Bern-Interlaken - วันนี้ออกเดินทางจากZurich โดยจองที่พักไว้ที่ Interlaken ก่อนไปจะแวะเที่ยวที่ Bern ก่อน สิ่งสำคัญ คือเช็ตเวลารถที่จะไปถึงBern และ Interlaken ควรเลือกแบบรถด่วนIR หรือIC เพราะจะแวะจอดแค่เมืองเท่านั้น ซึ่งเวลาเดินทางไป Bern ประมาณ1ชม. แต่สิ่งสำคัญ เราต้องส่งกระเป๋าใบโตไปที่ Interlaken west ก่อนเพื่อจะได้เดินเที่ยวได้สะดวก ดูตามป้ายสัญลักษณ์ข้างล่าง ค่าบริการประมาณ22CHF /ชิ้น และนำเฉพาะกระเป๋าใบเล็กที่มีของสำคัญติดตัวไปก็พอครับ ตารางเวลารถไฟ Zurich - Bern - Interlaken หน้าสถานี Zurich HB. Bern เป็นเมืองหลวงของสวิส เนื่องจากมีเวลาไม่มากประมาณครึ่งวันการท่องเที่ยวในBern จึงเลือกที่จะเที่ยว ในเขตเมืองเก่า ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากUNESCO การเดินทางบริเวณนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และเป็นแหล่งShopping สำคัญ การเดินทางในเขตนี้จะใช้เฉพาะรถรางและ bus เท่านั้นครับ เมือง Bern เมือง Bern เดินออกจากสถานีรถไฟBern ตรงมาจะเจอสถานีรถรางอยู่ข้างหน้า เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปตลอดเส้นทางเขตนี้เป็นเขตเมืองเก่าครับ เมือง Bern เมือง Bern เมือง Bern เดินไปเดินมา ก็จะเที่ยงแล้ว ชักหิว หาร้านทานกลางวัน ได้เป็นร้านที่ Hotel Bellevue Palce อาหารอร่อย บรรยากาศดีมาก มองลงไปเห็นแม่น้ำ Aare และสะพานข้ามฝั่งระหว่างเขา อยู่เกือบติดอาคารอาคารรัฐสภาและNational Bank Hotel Bellevue Palce Hotel Bellevue Palce หลังอาหารเดินเล่นที่ถนน Kramgasse ต่อ จะเห็นซุ้มประตูโบราณ Zytglogge และ นาฬิกาโบราณ ดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ถนน Kramgasse ซุ้มประตูโบราณZytglogge และนาฬิกาโบราณ ถือได้ว่าเมือง Bern สมเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆครับ เพราะคงความสวยงามและรูปแบบสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี บริเวณส่วนที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไม่น่าพลาดเมื่อมาเมือง Bern คือ มหาวิหาร Bern Munster ซึ่งว่ากันว่าสูงที่สุดในยุโรป ขึ้นไปบนหอคอยจะเห็นเมืองทั้งเมือง (ไม่แนะนำสำหรับผู้เป็นโรคหัวใจ) และยังมีสวนหมี ซึ่งที่นี่ถือว่าหมีเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ มหาวิหาร Bern Munster มหาวิหาร Bern Munster มหาวิหาร Bern Munster ตกแต่งด้วยกระจกโมเลส บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู หอคอย Bern วิวจาก หอคอยมหาวิหาร Bern Munster วิวจาก หอคอยมหาวิหาร Bern Munster วิวจาก หอคอยมหาวิหาร Bern Munster สวนหมี สัญลักษณ์ของเมือง Bern หลังจากเที่ยวที่ Bern จนถึงเย็นต้องรีบขึ้นรถไฟไป Interlaken west. เพราะต้องไปรับกระเป๋าก่อน19.00 เพราะoffice จะปิดและรับกระเป๋าไม่ได้ และต้องวางแผนซื้อตั๋วเพื่อขึ้น ยอดเขา Jungfrau ในวันพรุ่งนี้เช้า Bern-Interlaken Bern-Interlaken ระหว่างทางรถไฟ วิวมีทั้งภูเขาและทะเลสาบ ซึ่งเมือง Interlaken จะอยู่ระหว่างทะเลสาบ2แห่งคือทะเลสาบThun และ Brienz ซึ่งทะเลสาบ Thun จะอยู่ฝั่ง Interlaken west. ส่วนทะเลสาบ Brienz จะอยู่ฝั่ง Interlaken Ost. (east) ครับ ระหว่างทาง Bern-Interlaken ระหว่างทาง Bern-Interlaken ระหว่างทาง Bern-Interlaken ระหว่างทาง Bern-Interlaken พอไปถึง ก็ไปรับกระเป๋าที่ office ของสถานี แล้วเข้าที่พักที่ผมจองไว้ อยู่ห่างจากสถานีเดินไม่เกิน 5 นาที และอยู่บนถนนแหล่งshopping พื้นเมืองที่นี่อีกด้วยครับ นี่ครับ Krebs Hotel ทุกอย่าง ok แต่แนะนำควรจะวางแผนการเดินทาง และควรจองล่วงหน้านานหน่อย ราคาจะถูกกว่าเวลามาจองใกล้ๆวันเดินทาง มาดูหน้าตาของโรงแรมและบรรยากาศรอบๆเมืองกันครับ Krebs Hotel เมือง Intetlaken เมือง Intetlaken Day4 Interlaken-Jungfrau - เมือง Intetlaken เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ แต่หากใครจะมาพิชิต Jungfrau ส่วนใหญ่ก็จะมาพักที่นี่ก่อน วันนี้เป็นวันที่จะต้องพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรป Jungfrau โดยใช้เส้นทางรถไฟสายโรแมนติก ถ้าใครได้มาเห็นจะประหลาดใจครับ ว่าสร้างทางนี้ได้ยังไง ... ทางขึ้น Jungfraujoch ขึ้นได้สองทาง คือ 1. ผ่านเมือง Lauterbrumen และเปลี่ยนเป็นรถไฟที่เบาขึ้นแล้วไปหยุดที่ Kleine Scheidegg เพื่อเปลี่ยนรถไฟที่เบากว่าอีก ลอดผ่านอุโมงค์ที่ตัดผ่านเขาเพื่อไปที่ยอดเขา 2. ผ่านทางเมือง Grindewald แล้วไปหยุดเปลี่ยนรถที่ Kleine Scheidegg และขึ้นยอดเขาเช่นกัน ... เราเลือกขึ้นทางเมือง Laurerbrumen และลงทางเมือง Grindewald เพื่อจะได้ดูวิวทั้งสองฝั่ง บรรยากาศระหว่างทางขึ้นเขานี่ขอบอกว่าสวยสุดๆ จริงๆ ครับ เปลี่ยนรถไฟที่สถานี Kleine Scheidegg รถไฟสู่ยอดเขา Jungfrau ระหว่างทางสู่ Jungfrau ระหว่างทางสู่ Jungfrau ระหว่างทางสู่ Jungfrau ในที่สุดก็มาถึงแล้วครับ ที่ Jungfrau นั้นมีสิ่งสำคัญที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็ยมรดกโลกกับ Unesco คือ ธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่มีความยาวถึง 25m. ข้างบนยังมี Ice palace ซึ่งเกิดจากการขุดธารน้ำแข็งให้เป็นอุโมงค์ยาว มีรูปแกะสลักน้ำแข็งต่างๆให้ชมอีกด้วย Jungfrau Jungfrau Ice Palace บนยอดเขา Jungfrau Ice Palace บนยอดเขา Jungfrau ธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier หลังจากใช้เวลาอยู่บนยอดเขา Jungfrau เกือบ 3ชม. ก็ได้เวลากลับ (แนะนำว่าอย่าวิ่งครับ เพราะข้างบนออกซิเจนจะต่ำทำให้เหนื่อย แล้วหายใจไม่ค่อยออก) รวมระยะเวลาขึ้นเขาประมาณ 2ชม.ครึ่ง และกลับก็พอๆกัน แต่ตอนกลับแวะเที่ยวที่เมือง Grindewald ก่อนที่จะกลับ Interlaken West. **แนะนำว่าต้องวางแผนดีๆ ถ้าจะขึ้นไปยอดเขาเพราะรถไฟกลับจะมีเป็นรอบๆ เมือง Grindewald เมือง Grindewald เมืองนี้เป็นเมืองสกีรีสอร์ตที่เห็นยอดเขา Eiger ได้ชัดเจน บรรยากาศดีมากครับ เมือง Grindewald เมือง Grindewald เสร็จแล้วก็กลับมาทานอาหารที่ Interlaken west. แนะนำร้าน Cafe de Paris ครับ ร้าน Cafe de Paris ร้าน Cafe de Paris ร้าน Cafe de Paris ร้าน Cafe de Paris ร้าน Cafe de Paris Day 5 Interlaken-Milan - แผนการเดินทางวันที่5 ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขึ้นรถไฟมิลาน-อิตาลี ไปรอตั้งแต่6โมงเช้าเพื่อรอซื้อตั๋ว (office เปิด 6.40) เพื่อขึ้นรถไฟรอบ7.32 am. แนะนำควรไปซื้อก่อนวันแรกที่มาถึง Interlaken west (แต่เนื่องจากไปเช็คเมื่อวานเย็นหลังจาก กลับจาก Jungfrau ระบบ international train ปิดไปแล้วจึงต้องมารอตอนเช้า) Interlaken-Milan Interlaken-Milan และวินาทีที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ !!! ช่วงต่อรถไฟ Eurocity. ที่เมือง Spiez เกิดขึ้นรถผิดขบวน ใน Platform เดียวกันซึ่งรถไฟมาถึงเวลาห่างกันไม่ถึง10นาที ผมนึกว่าขบวนนี้แหละจึงขึ้นไปรอก่อน แต่ที่ไหนได้รถไฟนี้ วิ่งไปเมือง Thun โชคดีไหวตัวทันเลยต้องหาขบวนรถไฟไป Milan ใหม่พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ ซึ่งต้องไปขึ้นที่เมืองBrig วุ่นวายพอสมควรเพราะที่นั่งที่จองไว้หลุดหมด และขบวนที่จะไปMilan ก็เต็ม โชคดีที่มี App เส้นทางเดินรถอยู่ ทุกอย่างก็เลยผ่านไปได้ด้วยดี เฮ้อออออ .. โล่งอกไปที บรรยากาศระหว่างทาง Interlaken-Milan บรรยากาศระหว่างทาง Interlaken-Milan ในที่สุดก็มาถึง Milan ช้าไป 1ชั่วโมง สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้คือหา Sim มือถือ iPhone หาได้ที่สถานีรถไฟ Milano centrale ชั้นล่าง หรือ Milan Metro pass 1 day pass. จะได้ไม่โดนหลอกหรือหลงทาง อ้อ .. ที่ Milan มี package มือถือให้เลือกหลายแบบต้องดูให้ดีเพราะบาง package ใช้ Skype ไม่ได้นะครับ จากนั้นก็เดินทางเข้าที่พักที่จองไว้ ผมเลือกพักที่ Chateau Monfort Hotel เพราะอยากลองพักโรงแรม ที่มีการตกแต่ที่แปลกตา และดูไม่เหมือนใคร ใน style Italy ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ที่นี่ห่างจาก สถานี Milano Centrale แค่ประมาณ 10 นาทีโดย Taxi ใกล้กับ Duomo แหล่ง shopping ชื่อดัง หน้าโรงแรมมีสถานีรถ bus และติดกับสถานีรถรางด้วย การเดินทางสะดวกมากครับ Chateau Monfort Hotel Milan Chateau Monfort Hotel Milan ภาพบรรยากาศภายใน Chateau Monfort Hotel Milan ดู classic มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวโดยตัวตึกเป็นตึกเก่ามาตกแต่งใหม่ ห้องพักน่าพักมากครับ Chateau Monfort Hotel Milan Chateau Monfort Hotel Milan Chateau Monfort Hotel Milan Chateau Monfort Hotel Milan แผนการเดินทางวันนี้หลังจากมาถึงที่ Milan และ Check in เรียบร้อย ช่วงบ่ายวางแผนไปเยือน Milan Cathedral (Duomo) ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างกว่าศตวรรษ ผนังกระจกมหาวิหารทำเป็นกระจกโมเสดบอกเล่าเรื่องราวของคริสต์ศาสนาและรูป ลักษณ์ภายนอกที่ดูอลังการและยิ่งใหญ่ซึ่ง ถือเป็น Landmark ของที่นี่ (ขอบอกว่าที่นี่ข้างในนี่ขลังจริงๆ ) และGalleria vitte trio Emanuele II ข้างในเป็นแหล่ง Shopping ชื่อดังของแถบDuomo Milan Cathedral (Duomo) Milan Cathedral (Duomo) Milan Milan Galleria vitte trio Emanuele II เดินเล่นใน Milan ครับ หลังจากที่เดินชมสถานที่ต่างๆ จนเหนื่อยแล้ว ช่วงค่ำก็ไปหาร้านอาหารที่อร่อยและมีชื่อเสียงใน Milan ทาน ซึ่งก็พึ่ง App เช่นเคย และแล้วก็ได้เป็นร้าน Nerino Dieci แนะนำว่าควรจองล่วงหน้าเพราะที่นี่เปิดเป็นช่วงเวลา คนจะเยอะ โต๊ะจะเต็มตลอดครับ ร้านอาหาร Nerino Dieci ร้านอาหาร Nerino Dieci ร้านอาหาร Nerino Dieci ร้านอาหาร Nerino Dieci หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็เดินเล่นกันนิดหน่อย แล้วก็กลับโรงแรม เตรียมตัวเดินทางกลับในวันต่อไป ทริปนี้อาจจะสั้นไปหน่อย เนื่องจากมีเวลาจำกัด แต่ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนครับ Czechura .