PRO TOKYO SAKURA PINK PINK 5 วัน 3 คืน PRO TOKYO SAKURA PINK PINK 5 วัน 3 คืน PRO TOKYO SAKURA PINK PINK 5 วัน 3 คืน PRO TOKYO SAKURA PINK PINK 5 วัน 3 คืน PRO TOKYO SAKURA PINK PINK 5 วัน 3 คืน

PRO TOKYO SAKURA PINK PINK 5 วัน 3 คืน

Travel Information

Travel Rate

วันที่ 1

กรุงเทพ-สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินกัวลาลัมเปอร์-สนามบินนาริตะ

14.00 น.   คณะพร้อมกัน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์สายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

17.15 น.   ออกเดินทางสู่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH783/MH088 (17.15-20.30/23.30-07.40(+1)) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ   6 ชั่วโมง บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่อง แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองกัวลาลัมเปอร์

วันที่ 2

สนามบินนาริตะ วัดอาซากุสะ ผ่านชมโตเกียวสกายทรี – เกาะโอไดบะ-โทโยสุ-เทพีเสรีภาพ กันดั้ม Rx-O UNICORN ไดเวอร์ซิตี้ โตเกียวพลาซ่า-ศาลเจ้าฮาโกเน่ บูชาเทพมังกรเก้าเศียร ** อาบน้ำแร่เช่ออนเซ็น+บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ***

07.40 น.   ถึง เมืองนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น (เวลาที่ญี่ปุ่น เร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเพื่อความสะดวกในการนัดหมายเวลา) ***สำคัญมาก!! ประเทศญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้นำอาหารสด จำพวก เนื้อสัตว์ พืช ผัก ผลไม้ เข้าประเทศ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับและจับ***

นำท่านเดินทางสู่ “มหานครโตเกียว” เพื่อนมัสการเจ้าแม่กวนอิมทองคำ ณ “วัดอาซากุสะ” วัดที่ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ภายในประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมทองคำที่ศักดิ์สิทธิ์ ขนาด 5.5 เซนติเมตร ซึ่งมักจะมีผู้คนมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดทั้งปี ประกอบกับภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของโคมไฟยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยความสูง 4.5 เมตร ซึ่งแขวนห้อยอยู่ ณ ประตูทางเข้าที่อยู่ด้านหน้าสุดของวัด ที่มีชื่อว่า “ประตูฟ้าคำรณ” และถนนจากประตูเข้าสู่ตัววิหารที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมทองคำ มีชื่อว่า “ถนนนากามิเซะ” ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าขายของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ มากมาย อาทิ ขนมนานาชนิด ของเล่น รองเท้า พวงกุญแจที่ระลึก ฯลฯ ให้ทุกท่านได้เลือกซื้อเป็นของฝากของที่ระลึก และท่านสามารถเดินไปถ่ายรูปคู่กับหอคอยที่สูงที่สุดในโลก แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงโตเกียว ณ ริมแม่น้ำสุมิดะ ผ่านชม “หอคอยโตเกียวสกาย ทรี” (Tokyo Sky tree) หอส่งสัญญาณโทรคมนาคมที่สูงที่สุดในโลก

เที่ยง    บริการอาหารกลางวันแบบปิ้งย่างยากินิกุ (1)

นำท่าเดินทางสู่ “เกาะโอไดบะ” จากนั้นนำท่านสู่ “ย่านโอไดบะ” (Odaiba) เป็นเกาะรวมศูนย์กลางความบันเทิง ของเมืองโตเกียว เมืองหลวงในปัจจุบันของญี่ปุ่น โอไดบะ เป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง โดยการนำ ดิน ทราย มาถม ทะเล ให้เกิดขึ้นเป็นเกาะขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1850 สร้างกันมาเป็นร้อยปีเลยทีเดียว เกาะนี้เป็นเกาะที่แสดงให้เห็นถึง วิสัยทัศน์ และศักยภาพของชาวญี่ปุ่น ที่สามารถสร้าง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา

นำท่านชมและเลือกซื้ออาหารทะเลสดใหม่ที่ ตลาดปลาแห่งใหม่ “โทโยสุ” ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย ซึ่งมีพื้นที่กว้างมากกว่าตลาดปลาซึกิจิ 1.7 เท่า ตลาดปลาโทโยสุ สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงสุขอนามัย มีการควบคุมอุณหภูมิภายในตลาดให้พอเหมาะ ต่างกับตลาดปลาซึกิจิที่เป็นตลาดเปิดโล่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากอากาศภายนอก ตลาดปลาโทโยสุจึงสามารถคงความสดของปลาและสินค้าอื่นๆได้ตามที่ต้องการ

จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ“เทพีเสรีภาพ” สำหรับเทพีเสรีภาพที่โอไดบะนั้น ทางการฝรั่งเศสได้ส่งเทพีเสรีภาพให้กับทางญี่ปุ่น เนื่องในโอกาสฉลองความสัมพันธ์อันยาวนาน กว่า 3 ศตวรรษระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1998 จนเมื่อถึงเวลานำกลับได้มีการขอร้องไปยังรัฐบาลฝรั่งเศสว่าอย่าขนกลับเลย แต่รัฐบาลฝรั่งเศสนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องขนกลับเพราะเป็นตัวต้นแบบของเทพีเสรีภาพที่นิวยอร์ก จึงได้สร้างเทพีเสรีภาพตัวปัจจุบันนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวต้นแบบแต่ก็ยังเล็กกว่าเทพีเสรีภาพที่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก และส่งมาให้ในปี ค.ศ.2000 นั่นเองค่ะ ดังนั้นเทพีเสรีภาพที่โอไดบะนั้นไม่ใช่ของที่ทำจำลองขึ้นมา แต่เป็นของแท้จากฝรั่งเศส

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ห้างสรรพสินค้าไดเวอร์ซิตี้โตเกียว” (DiverCity Tokyo Plaza) ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิง จุดเด่นของห้างนี้ก็คือ “หุ่นยนต์กันดั้ม” ขนาดเท่าของจริง ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ในบริเวณห้าง ก็จะมีร้านค้าสำหรับคอกันดั้ม อย่างเช่น กันดั้มคาเฟ่ (Gundam Cafe) และถ้าอยากเข้าไปดูนิทรรศกาลกันดั้ม ก็ต้องไปที่ กันดั้มฟรอนท์ (Gundam Front) ซึ่งอยู่ในบริเวณห้างไดเวอร์ซิตี้

จากนั้นพาท่านชม “ศาลเจ้าฮาโกเน่” เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮาโกเน่ ส่วนใหญ่คนมักมาขอพรเรื่องความรัก, การแข่งขัน, ไปจนถึงการคลอดบุตรอย่างปลอดภัย ภายในศาลเจ้าฮาโกเน่จินจะยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า "คุซุริว จินจะ ชินกู (Kuzuryu Jinja Shingu Shrine)" ซึ่งบูชาเทพมังกร 9 หัว ผู้ปกป้องรักษาทะเลสาบอาชิ ก่อนจะเข้าศาลเจ้า เราก็มาล้างมือกันที่บ่อน้ำ "ริวชินซุย" ที่ว่ากันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของฮาโกเน่

ค่ำ    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารของโรงแรม พิเศษ !!! เมนู บุฟเฟต์ขาปูยักษ์ (2)

พักที่ FUJI HOTEL หรือระดับเดียวกัน

จากนั้นให้ท่านได้ผ่อนคลายกับการแช่น้ำแร่ออนเซ็นธรรมชาติ น้ำแร่ในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าได้แช่น้ำแร่แล้วจะทำให้ผิวพรรณสวยงาม และช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิต

วันที่ 3

ภูเขาไฟฟูจิ (ชั้น 5) ชงชาแบบญี่ปุ่น หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค ทุ่งดอกพิงค์มอส โตเกียว ชินจูกุ

เช้า    รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (3)

นำท่านเดินทางสู่ “ภูเขาไฟฟูจิ” เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น รอบๆ ภูเขาเต็มไปด้วยธรรชาติอันงดงามที่ลงตัว ความสูงเหนือจากระดับน้ำทะเล 3,776 เมตรซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศญี่ปุ่น

นำท่านขึ้นสู่ชั้นที่ 5 ของภูเขาไฟฟูจิ (ขอสงวนสิทธิ์ไม่ขึ้น ในกรณีที่อากาศไม่เอื้ออำนวย หรือ ทางขึ้นปิด) ที่เพื่อชมทัศนียภาพของภูเขาไฟ ทุกท่านจะได้เห็นถึงความสวยงามของตัวภูเขาและวิวโดยรอบของภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท และสัมผัสกับความหนาวเย็น ให้ทุกท่านได้ถ่ายภาพความประทับใจเก็บไว้ และเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปภูเขาไฟฟูจิในหลากหลายบรรยากาศได้อีกด้วย นำท่านสัมผัสประสบการณ์ “พิธีชงชาแบบญี่ปุ่น” ให้ท่านได้ทดลองชงชาด้วยตัวท่านเองและอิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าราคาถูกตามอัธยาศัย บริเวณด้านหลังของร้าน ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบคาวากูจิโกะและมีภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามอยู่เบื้องหลัง

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก” (Oshino Hakkai) เป็นแหล่งนํ้าตามธรรมชาติตั้งอยู่ในหมู่บ้านโอชิโนะ ให้ท่านสัมผัสได้ถึงอากาศบริสุทธิ์ และไอเย็นจากแหล่งนํ้าธรรมชาติ โดยในบ่อนํ้าใสแจ๋วมีปลาหลากหลายพันธุ์แหวกว่ายสบายอารมณ์ อุณหภูมิในนํ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 10-12 องศาฯ นอกจากชมแล้วก็ยังมีนํ้าผุดจากธรรมชาติให้ตักดื่มตามอัธยาศัย และที่สำคัญ หมู่บ้านโอชิโนะยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าโอท็อปชั้นเยี่ยมอีกด้วยที่หมู่บ้านนี้มีของขึ้นชื่ออย่าง โมจิชาเขียวไส้ถั่วแดงย่าง ขนมฮิตที่หมู่บ้านน้ำศักดิ์สิทธิ์โอชิโนะฮักไก

เที่ยง    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (4)

นำท่านเดินทางสู่ “ทุ่งดอกพิงค์มอส” ณ บริเวณใกล้กับทะเลสาบ Kawaguchiko 1 ใน 5 ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิซัง จะมีเทศกาล Shibazakura Festival ทุ่งที่เคยเป็นผืนดินธรรมดาจะเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้สีชมพูสดสวยงามกว้างขวาง มีสระน้ำสะท้อนเงาตรงใจกลางบริเวณซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์อันโด่งดังของประเทศญี่ปุ่นในระยะกำลังพอดิบพอดีสีน้ำเงินเข้มที่ยอดถูกปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะอยู่เสมอ จากนั้น

นำท่านสู่ “ย่านช้อปปิ้งชินจุกุ” ให้ท่านอิสระและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้ามากมายและ เครื่องใช้ ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูปดิจิตอล นาฬิกา เครื่องเล่นเกมส์ หรือสินค้าที่จะเอาใจคุณผู้หญิงด้วย กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า แบรนด์เนม เสื้อผ้าแฟชั่นสสำหรับวัยรุ่น เครื่องสำอางยี่ห้อดังของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น KOSE, KANEBO, SK II, SHISEDO และอื่นๆ อีกมากมาย

ค่ำ    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (5)

ที่พัก  KEISEI HOTEL MIRAMARE  หรือเทียบเท่าระดับเดียวกันที่พักเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ใจกลางเมืองชิบะ มีทำเลอยู่หน้าสถ​​านีรถไฟ Chibachuo Train Station บริเวณโรงแรมมีร้านสะดวกซื้อ ร้านช้อปปิ้ง เช่น ไดโซะ มัตสึโมโตะ ร้านขายยา ให้ท่านเลือกซื้อของตามอัธยาศัย และมีร้านอาหารให้เลือกลิ้มรสอย่างหลากหลาย เช่น ร้านราเม็ง ข้าวหน้าเนื้อ ปิ้งย่าง เป็นต้น 

(ห้องพักที่โรงแรม KEISEI จะเป็นแบบ Studio Twin room (1 single bed + 1 sofa bed) เนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมืองและใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน **ในกรณีที่ท่านจองห้องพักแบบ TRIPLE [2 เตียง+1 ที่นอนเสริม] แล้วทางโรงแรมไม่สามารถจัดหาห้องพักแบบ TRIPLE ได้ ทางบริษัทอาจมีการจัดห้องพักให้ตามความเหมาะสมต่อไป หรืออาจมีค่าใช้จ่ายบางส่วนเพิ่มเติม **)

วันที่ 4

ชมซากุระ ณ สวนอุเอโนะ ตลาดอเมโยโกะ ศาลเจ้าเมจิ ฮาราจูกุ มิตซุยเอ้าเลตปาร์ค

เช้า     รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม   (6)    

เดินทางสู่ “สวนอุเอโนะ”  (Ueno Park) เป็นสวนสาธารณะ ขนาดใหญ่ของโตเกียว ภายในมีทั้งวัด ศาลเจ้า ทะเลสาป และสวนสัตว์ มีต้นไม้มากมาย ให้บรรยากาศร่มรื่นจึงเป็นสถานที่ที่ชาวโตเกียวนิยมมาพักผ่อนกัน และในฤดูใบไม้ผลิของทุกๆปีสวนอุเอโนะจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการมาชมซากุระ โดยจะมีต้นซากุระเรียงรายอยู่ทั้งงสองข้างยาวไปตามทางเดินภายในสวน มีจำนวนมากกว่า 1,000 ต้น ทำให้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาเยี่ยมชมในเทศกาลชมดอกซากุระ หรือที่เรียกกันว่า งานฮานามิ

นำท่านเดินทางเข้าสู่ (โดยปกติซากุระจะบานช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)  เดินทางสู่ “ตลาดอะเมโยโกะ” (Ameyoko Market) ตลาดที่คึกคักเกือบตลอดเวลาตั้งอยู่ระหว่างสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) และสถานีโอคาชิมาชิ (Okachimachi Station) แต่ก่อนนั้นบริเวณนี้เป็นที่ขายขนมและลูกอมลูกวาด ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเรียกร้านขนมเหล่านี้ว่า “Ameya Yokocho” จึงเป็นที่มาของชื่อตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko) มีสินค้าหลากหลายชนิดทั้ง ของสด ของใช้ เครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าทั้งของญี่ปุ่น และของนำเข้าที่ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าในห้างบางร้านอาจจะต่อราคาเพิ่มได้อีก อาหารทะเล ผลไม้ ผักสด ร้านขนมของกินเล่น เช่น ทาโกะยากิยักษ์ โมจิ ขนมเค้ก ช็อคโกแลต ไอศครีม ชานมไข่มุก  และร้านอาหารญี่ปุ่น อย่างราเม็ง ซูชิ ข้าวหน้าปลาไหล พื้นที่ตลาดกินขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปหลายซอย รวมถึงใต้ดิน ส่วนใหญ่จะเปิดร้านประมาณ 10 โมงเช้าไปจนถึงช่วงเย็นๆ และมักจะปิดทุกวันพุธ

เที่ยง    บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (7)

จากนั้นเดินทางไปยัง “ศาลเจ้าเมจิ” (Meiji Jingu) ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานีฮาราจูกุ เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ตามความเชื่อของศาสนาชินโต โดยศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิและพระมเหสีในยุคสมัยก่อน ภายหลังเมื่อในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ศาลเจ้าเมจิได้ถูกทำลายลง แต่ก็ได้มีการบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่จนถึงปัจจุบันนี้ จากความศักดิ์สิทธิ์และบรรยากาศทั้งหลายที่เต็มไปกลิ่นอายมนตร์ขลังจึงทำให้ยังเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในการจัดงานแต่งงานแบบชินโตดั้งเดิมมากๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้ามาแล้วโชคดีอาจจะได้เห็นพิธีการหรือบ่าวสาวที่แต่งชุดแต่งงานสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆก็เป็นได้สำหรับบรรยากาศภายในศาลเจ้านั้นแม้จะอยู่ในแหล่งพลุกพล่าน แต่ก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ จนเหมือนกับคนละโลกกับภายนอกศาลเจ้า

จากนั้นนำท่านไปช้อปปิ้ง “ย่านฮาราจูกุ” ฮาราจูกุนั้นไม่ใช่แค่ศูนย์รวมของวัยรุ่นที่ชอบแต่งหน้าแต่งตัวมีเอกลักษณ์จนอาจเรียกได้ว่าหลุดโลกอย่างที่เรารู้จักเท่านั้น ปัจจุบันฮาราจูกุคือย่านหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางโตเกียว ซึ่งที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นแหล่งรวมร้านค้าเท่านั้น แต่รอบๆบริเวณยังมีสวนสาธารณะ และถนนเส้นใหญ่สไตล์ตะวันตกแบบ Champs-Elysees เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และถนนที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านฮาราจูกุนั้น คือถนนทาเคะชิตะที่อยู่ตรงข้ามสถานีฮาราจูกุนั่นเอง

นำท่านเดินทางสู่ “มิตซุยเอ้าท์เลต พาร์ค” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่น ที่ปกติจะลดราคาสินค้าอยู่ระหว่าง 30% - 80% เป็นแหล่งที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อ ทั้งสินค้านำเข้าและสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นโกอินเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นเอาท์เล็ทที่มีร้านขายยาแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วประเทศมาเปิดร้านอยู่อีกด้วย

ค่ำ   อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย

ที่พัก KEISEI HOTEL MIRAMARE  หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน 

วันที่ 5

สนามบินนาริตะ สนามบินกัวลาลัมเปอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ

เช้า    รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม   (8)

สมควรแก่เวลานำทานเดินทางสู่สนามบินนาริตะ

08.00 น.    ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลยเซีย โดยสายบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH089/MH0780 (10.20-16.45/17.45-18.55) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่อง แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองกัวลาลัมเปอร์

18.55 น.   เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

โปรแกรมสามารถสลับปรับเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

อัตราค่าบริการรวม

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับตามรายการที่ระบุ รวมถึงค่าภาษีสนามบิน และค่าภาษีน้ำมัน 
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศ 
  • โรงแรมที่พักตามที่ระบุ หรือเทียบเท่า (พัก 2-3 ท่าน/ห้อง) 
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ   
  • ค่าอาหาร ตามรายการที่ระบุ  
  • ค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุในการเดินทางท่องเที่ยว วงประกันท่านละ 1,000,000 บาท  (เงื่อนไขตามกรรมธรรม์)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้เดินทาง อาทิ ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ค่าซักรีด ค่ามินิบาร์ในห้องและค่าพาหนะต่างๆ ที่มิได้ระบุในรายการ
  • ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น กรณีประกาศให้กลับมายื่นร้องขอวีซ่าอีกครั้ง (เนื่องจากทางญี่ปุ่นได้ประกาศยกเว้นการยื่นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทยสำหรับผู้ที่ประสงค์พำนักระยะสั้นในประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน)
  • หากในภายหลังทางรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้ยื่นวีซ่าตามเดิม ผู้เดินทางจะต้องจ่ายเพิ่ม 2,000 บาท สำหรับการยื่นร้องขอวีซ่า
  • ค่าธรรมเนียมในกรณีที่กระเป๋าสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่สายการบินนั้นๆกำหนดหรือสัมภาระใหญ่เกินขนาดมาตรฐาน
  • ค่าภาษีน้ำมัน ที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่ม ภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว
  • ค่าน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระ ที่หนักเกินสายการบินกำหนด (ปกติ ขาไป 20 กก. // ขากลับ 20 กก.)
  • ค่าทิปคนขับรถ และไกด์ท้องถิ่น(ถ้ามี) ท่านละ 1500 บาท/ทริป ชำระที่สนามบินในวันเช็คอิน (ค่าทิปหัวหน้าทัวร์แล้วแต่ความพึงพอใจของท่าน)
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % (กรณีต้องการใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี)

ราคา

THB 10,000,000

26 เมษายน 2567

วันเดินทางทั้งหมด

People

Adult

(Age 12+)

Child

(Age 6 to 11)

Infant

(Age 3 to 5)

Booking

Share this tour

Hippo’s Blog

View more

Hippo’s Tips & Recommend

View more